ดร.สาธิต วิทยากร นักลงทุนรายใหญ่ในวงการเฮลท์แคร์ เปิดเผยว่า ได้เข้าลงทุนในบริษัททีวีบูรพาด้วยงบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 40% เป็นการถือหุ้นในนามส่วนตัว ผ่านบริษัท มิลลิเซเคินด์ จำกัด (MILLISECOND Co.Ltd.) ในฐานะโฮลดิ้ง ในนาม “MILLISECOND” ภายใต้แนวคิด “สร้างเสี้ยวพันวินาที ที่จุดประกายสิ่งดีๆให้กับโลก” โดยมีบริษัทในเครือ ได้แก่ “BURABHA” ผู้พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Business Developer) ต่อยอดธุรกิจเพื่อสังคมด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและชุมชนที่เข้มแข็ง และ “CULSTER” รุกผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี เอเยนซีโฆษณาและเฟสติวัล
ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม ขณะที่ผู้บริหารคนเดิม 3 ท่านก็ยังถือหุ้นอยู่คนละ 20% โดยจะปรับโครงสร้างธุรกิจสู่ดิจิทัลและ ESG (Environment-Social-Governance) ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนมากขึ้น ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้ผลงาน สร้างนวัตกรรม และบริหารต้นทุนดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับเทรนด์ธุรกิจมีเดียในโลกยุคเอไอ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
"อย่างที่รู้กันว่าสื่อในปัจจุบันคนดูน้อยลง หาสปอนเซอร์ยากขึ้น แต่ในเอเชียจะมีคนที่สนใจด้าน ESG และ AI ฉะนั้นหากเราสามารถผลักดันการทำ ESG ได้มากขึ้นและสามารถสร้างเป็น Soft Power ก็จะมีองค์กรที่อยากสร้าง Soft Power เป็นของตัวเอง เราก็ครีเอทีฟทำคอนเทนต์ให้กับองค์กรได้ เราอยากทำสิ่งที่ดีและช่วยผลักองค์กรเหล่านั้น"
นอกจากนี้ เรื่องการเติบโตเป็นเรื่องสำคัญ บริษัทมีทรัพย์สินและที่ดินอยู่แล้วรวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2567 นี้จะมีรายได้ 300 ล้านบาท และสร้างกำไรให้ได้ แต่ต้องดูว่าจะพอที่จะดูแลคนในองค์กรและไปสนับสนุนองค์กรอื่นๆ และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างไร ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เงิน ต้องทำหนัง ทำสารคดี ซีรีย์ สร้างโปรดักส์ สื่อความเป็นไทยออกปต่างประเทศ และเมื่อทุกอย่างเติบโตขึ้นก็มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ดร.สาธิต กล่าวว่า ทั้งบริษัท พริ้นซิเพิลแคปิตอล จำกัด (มหาชน) (PRINC) ที่ทำอยู่ และ MILLISECOND นั้น มีสิ่งที่เชื่อในคุณค่าเดียวกัน คือการดูแลคน ชุมชนและสังคม โดยโรงพยาบาลเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่เน้นขยายไปยังพื้นที่เมืองรอง มีปณิธานในการเป็นองค์กรที่สร้างคนที่มีจิตใจของผู้ให้ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ขณะที่ MILLISECOND มีดีเอ็นเอจากทีวีบูรพากับการเป็นนักเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและบันดาลแรงให้ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ดีเพื่อผู้อื่น ถือเป็นดีเอ็นเอที่โดดเด่นมาตลอด 22 ปี ท่ามกลางความท้าทายของคลื่นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องที่จะต้องปรับตัวให้ทันและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ Media Industry ไม่อยู่ใน Sunset business และปรับตัวสู่ Sunrise business ที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน นายกฤษณพล พงศ์ธนาวรานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท MILLISECOND จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ “BURABHA” กลายเป็นผู้พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Business Developer) มุ่งสร้างความเข้มแข็งโดยเชื่อมโยงและพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคมผ่านเครือข่ายชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมผสานการทำงานกับเครือข่ายโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและเฮลท์แคร์ และยังคงพร้อมเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมส่งต่อคุณค่าของแบรนด์ สู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและชุมชนที่ดีขึ้น
ในส่วนของธุรกิจมีเดีย คอนเทนต์และการสื่อสารการตลาด ยังตั้งบริษัทใหม่ชื่อ CULSTER เพื่อรุกสู่ธุรกิจภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี เอเจนซี่โฆษณา และเฟสติวัล โดยชูกลยุทธ์ “Good Time Creator” ต่อยอด ดีเอ็นเอ “นักเล่าเรื่อง” ที่จะมีรูปแบบการเล่าเรื่องครบทุกแพลตฟอร์มมุ่งสู่ตลาดโลก ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 300 ล้านบาทและมีแผนจะนำบริษัทในกลุ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2570
“ในปี 2567 - 2568 นี้ CULSTER เตรียมเปิดตัวความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการผลิตซีรีส์ระหว่างผู้กำกับชาวไทยกับผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ และรายการเรียลลิตี้ระดับโลกที่มี “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยขวัญใจชาวไทยและชาวโลกมาร่วมงาน รวมไปถึงการการจัดเทศกาลใหญ่ปลายปีภายใต้ชื่อ “Human Fest” ซึ่งเฟสติวัลนี้จะรองรับทุกการสร้างสรรค์ที่คิดจากความเป็นมนุษย์ไว้มากที่สุด เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และส่งต่อคุณค่าบนพื้นฐานความยั่งยืน พร้อมสร้างเสี้ยวพันวินาที ที่จุดประกายสิ่งดีๆ ให้กับโลก”