นายชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว ตลาดทีวีในปี 66 ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดมีการแข่งขันรุนแรง แต่ตลาดติดลบเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการแข่งขันในเรื่องของราคาสูงขึ้น สงครามราคาเกิดขึ้นกับกลุ่มทีวีที่ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ทางซัมซุงคาดว่าในปี 67 จะเป็นปีที่ตลาดรวมกลับมาเป็นบวกเนื่องจากมีปัจจัยส่งเสริมอย่าง การแข่งขันฟุตบอลยูโรที่กำลังจะมาถึง
ความน่าสนใจของตลาดทีวีที่ถือเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เจ้าตลาดอย่าง “ซัมซุง” ผู้ครองส่วนแบ่งตลาด 30% ปักธงไม่ขอลงสมรภูมิสงครามราคา เน้นจับกลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งหากนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2560 ไลน์อัป QLED TV ของซัมซุง รวมถึง Neo QLED รุ่นล่าสุด มียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 40 ล้านเครื่อง โดยเฉพาะในปี 2566 เพียงปีเดียว ทีวีในไลน์อัป QLED ของซัมซุงมียอดขายอยู่ที่ 8.31 ล้านเครื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ซัมซุง จัดทัพชู AI ขับเคลื่อนนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า https://www.thansettakij.com/business/marketing/592108
ซึ่งจากความสำเร็จในตลาดทีวีจอใหญ่พิเศษและทีวีระดับไฮเอนด์นี้ ซัมซุงได้สร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในกลุ่ม OLED โดยไลน์อัป OLED มียอดขาย 1.01 ล้านเครื่อง ในปี 2566 สำหรับในประเทศไทย ปีที่ผ่านมา ซัมซุงมียอดขายทีวีเติบโตกว่าตลาดรวมถึง 8% โดยมีทีวีจอใหญ่ขนาด 75 นิ้วขึ้นไปและทีวีพรีเมียมเป็นตัวผลักดัน โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3 หมื่นบาท และตัวที่แพงที่สุดราคาอยู่ที่ 7 แสนบาท
สิ่งเหล่านี้ฉายภาพในเห็นว่าบิ๊กเพลเยอร์อย่างวัมซุงมองตลาดตับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเพราะเชื่อมั่นว่าตลาดกลุ่มนี้ยังคงผลลักดันการเติบดตให้กับแบรนด์ ปัจจุบันซัมซุงมียอดขายเติบโต 20% แบ่งเป็นสินค้า B2C 93% สินค้า B2B 7%
ปัจจุบันซัมซุงมีพาทเนอร์เป็นธนาคารสัญชาติเกาหลี จับมือพร้อมเสนอโซลูชั่นการผ่อนสินค้าของซัมซังได้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ถึงแม้จะนำเสนอสินค้าเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมแต่การผ่อนสินค้านั้นซัมซุงมองว่าสามารถช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นได้อีกช่องทางหนึ่ง
ทั้งนี้ไลน์อัปผลิตภัณฑ์ปี 2567 ของซัมซุง เน้นย้ำ ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน และในปีนี้ซัมซุงจะฉายภาพความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยการพาทุกคนเข้าสู่ยุคใหม่ของ Samsung AI TV