‘เจเอเอสฯ’ มั่นใจกำลังซื้อ ปักหมุด คอมมูนิตี้ มอลล์ 3 สาขารวด

04 พ.ค. 2567 | 11:00 น.

เจเอเอสฯ เดินหน้าสยายปีกคอมมูนิตี้ มอลล์ 3 สาขารวด ทั้งบางบัวทอง รามคำแหง ขอนแก่น มั่นใจศักยภาพ ทำเล และกำลังซื้อ จ่อเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หลังจับมือสุกี้ ตี๋น้อย ขยายสาขาเพิ่ม

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ในกลุ่มเจมาร์ท ผู้บริหารคอมมูนิตี้ มอลล์ ภายใต้ชื่อ The Jas, Jas Urban, JAS Green Village เป็นต้น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในปี 2567 มั่นใจว่าบริษัทจะเดินหน้าได้เร็วกว่าเดิมและคล่องตัว ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจน โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในโครงการพัฒนาคอมมูนิตี้ มอลล์ หรือศูนย์การค้าชุมชนของบริษัทที่มีการเติบโดได้ดี ทำให้เชื่อมั่นในการขยายตัวของเขตชุมชนในเส้นหลัก ๆ เพราะศูนย์การค้าจะเติบโตพร้อมกับชุมชน ซึ่งมีการปรับโมเดลให้เข้ากับทำเลที่ให้บริการ

โดยปัจจุบันศูนย์การค้าของเจเอเอสฯ ประกอบด้วยโมเดลศูนย์การค้าคลาสสิคมีพื้นที่กว้างขวาง 5,000- 10,000 ตร.ม. คือ The Jas ต่อมาคือ Jas Urban เป็นโมเดลขนาดใหญ่มีพื้นที่กว่า 2 หมื่น ตร.ม. และ JAS green village เป็นศูนย์การค้าที่มีขนาด 1 หมื่น ตร.ม. มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดและเป็นโครงการมิกซ์ยูสมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์การค้าทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ The Jas วังหิน, The Jas รามอินทรา, Jas Urban ศรีนครินทร์, Jas Village อมตะ ชลบุรี Jas Green Village คู้บอน และ JAS Green Village ประเวศ (สุขาภิบาล 2) และในปีนี้มีแผนขยายเพิ่ม 3 สาขา ได้แก่ Jas Green Village บางบัวทอง Jas Green Village รามคำแหง และ Jas Green Village ขอนแก่น ทำให้ในสิ้นปีนี้ จะมีสาขาทั้งหมด 9 สาขา

‘เจเอเอสฯ’ มั่นใจกำลังซื้อ ปักหมุด คอมมูนิตี้ มอลล์ 3 สาขารวด

“ปีนี้จะเป็นปีที่เจเอเอส มีการขยายสาขามากที่สุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมาตั้งเป้าเป็นศูนย์การค้าที่อยู่คู่ชุมชนเข้าถึงคนทุกเจนเนอเรชั่น พร้อมเตรียมเติมพอร์ตแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มเสริมทัพ”

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ปกติแล้วเราจะขยายโครงการใหม่แค่ปีละ 1 โครงการเท่านั้น แสดงถึงความพร้อมในเรื่องการลงทุน และการบริหารจัดการ บนทำเลที่มีศักยภาพ เป็นป่าล้อมเมืองที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่รวมถึง การต่อยอดร่วมกับพันธมิตร สร้างวาไรตี้ให้ศูนย์การค้าชุมชนให้มีความครบวงจร และโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ปีนี้มีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของบริษัทจะมีแผนบุกตลาดต่อเนื่อง

โดยรายละเอียดของ 3 โครงการใหม่จะมีโมเดลเป็นมิกซ์ยูส อย่าง Jas Green Village บางบัวทอง เปิดให้บริการเมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ส่วน Jas Green Village รามคำแหง โครงการใหม่บนพื้นที่ 5 ไร่แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 5,000 ตร.ม. พื้นที่อาคารสำนักงาน 5,000 ตร.ม. ถือเป็นโครงการใหญ่ที่พร้อมเจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เป็นโมเดลใหม่ของแจส กรีน วิลเลจ ซึ่งในโซนพื้นที่รามคำแหง และพื้นที่ใกล้เคียงถือเป็นแหล่งชุมชมที่มีนักนักเรียน นักศึกษา วันทำงาน ทำให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจดังกล่าว หวังให้เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของคนในพื้นที่ เตรียมเปิดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567

ขณะที่ Jas Green Village ขอนแก่น เป็นโครงการในพื้นที่ต่างจังหวัดโครงการที่ 2 ต่อจากชลบุรี เป็นมิกซ์ยูส ที่ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า พื้นที่เช่าสำนักงาน โรงแรม ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่บุกภาคอีสาน อย่างไรก็ดี หลังจากที่บริษัทแม่ JMART ได้เข้าลงทุนในธุรกิจร้านสุกี้ ตี๋น้อย ก็พร้อมที่จะรวมกันเป็นพันธมิตรในการขยายศูนย์การค้าออกไปในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ โดยนำร่องสาขาแรกร้านสุกี้ ตี๋น้อย ที่ JAS Amata ชลบุรี เพราะมองเห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเสริมพอร์ตในปีหน้าจะได้เห็นแบรนด์ธุรกิจอาหารน้องใหม่ตบเท้าเข้าศูนย์การค้าของ The Jas มี่ขยายสาขาอย่างคลอบคลุม

“ธุรกิจรีเทลแข่งขันดุเดือดทุกแบรนด์ตั้งเป้าขยายสาขาให้เข้าใกล้ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือยืนขาเดียวไม่อีกต่อไป เราต้องจับจุดแข็งของตัวเองและต่อยอดเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ความท้าทายของ The Jas คือเราเป็นศูนย์การค้าของชุมชนผู้ใช้บริการเป็นคนในชุมชนไม่ใช่นักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเราต้องตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้ ตลาดที่มีการแข่งขันมาก จึงขึ้นต้องสร้างความแตกต่างตอบโจทย์”

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,989 วันที่ 5 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567