นายณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดกะทิในปี 2566 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท เติบโต 5-6% คาดการณ์ว่าในปี 2567 จะเติบโตสองหลัก โดยมีปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา ไม่อยากเสียเวลาคั้นกะทิเอง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคใส่ใจด้านสุขอนามัยมากขึ้น กะทิสําเร็จรูปจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
และกระแสรักสุขภาพ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น กะทิสําเร็จรูปจากมะพร้าวแท้ จึงเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดกะทิยังคงมีการแข่งขันที่สูง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ประกอบการกะทิสําเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังมีกะทิสดที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดอีกด้วย
เอเซียติคฯ ผู้ผลิตแปรรูปและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มียอดขาย 500 ล้านบาทในปี 2566 และมียอดขายรวมทั้งหมด 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 60% จากประเทศ อเมริกา ออสเตรีย จีน ตามลำดับ และในประเทศ 40% มียอดขายจากกะทิอัมพวา 80% โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 4,500 ล้านบาท
นายณัฐพล กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบมะพร้าวและราคามะพร้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจผลิตและจำหน่ายกะทิของบริษัท เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทจึงมีแผนที่จะขออนุญาตนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
"เป้าหมายของเราคือการก้าวขึ้นเป็นแบรนด์กะทิอันดับ 2 ของตลาดในปี 2567 ปัจจุบันเราอยู่ในอันดับที่ 2 ของตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 17%-18% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูสีกับแบรนด์อันดับ 3 ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 16% เรามั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่รัดกุม แผนงานที่ชัดเจน และความมุ่งมั่นของพนักงานทุกคน บริษัทจะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน"
กลยุทธ์หลักของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับตลาดโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตใหม่หรือโรงงานใหม่ โดยเฉพาะไลน์ผลิตขวด PET เพิ่มเติม ด้วยงบลงทุน 800 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มกำลังผลิตคอนเทนเนอร์ได้อีก 3,000 ตู้ต่อปี จากเดิม 1,500 ตู้ต่อปี อีกทั้งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง อาทิ สินค้ากลุ่ม Plant-Based ภายใต้แบรนด์ "โคโค่มิกซ์" (Cocomix) ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มบาริสต้าและร้านอาหาร อย่าง Coconut Creamer (ครีมเมอร์มะพร้าว) เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2024 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ บูธเอเซียติคฯ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 งานนี้จะรวบรวมผู้ประกอบการและนักธุรกิจจากทั่วโลก มอบโอกาสในการสร้างเครือข่าย สานสัมพันธ์ และขยายธุรกิจ
สำหรับไฮไลท์กลยุทธ์หลักในปีของบริษัท คือการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ 2 ร้านดังในกลุ่มธุรกิจโฮเรก้า ‘กะทิอัมพวา และ ร้านอัมพวา ไทย คิทเช่น (Amphawa Thai Kitchen)’ ภายใต้คอนเซ็ปท์ Modern Samrub หรือสำรับไทย สำหรับคนรุ่นใหม่ และ ‘น้ำมะพร้าวโคโค่แม็ก และ เยนลี่ยัวส์ (Yenly Yours)’ คาเฟ่มะม่วง ที่แปลงโฉมวัตถุดิบพื้นบ้านสู่อาหารไทย และขนมหวานสไตล์โมเดิร์น ต่อยอดไอเดียผลิตภัณฑ์ ขยายฐานแฟนแบรนด์ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์