นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG กล่าวว่า ปีนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะจากวิกฤตสงครามที่ส่งผลต่อราคาสินค้า อย่าง"ชีส" ที่ KCG นำเข้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม KCG มีจุดแข็งที่สำคัญ คือ พาร์ทเนอร์ที่ร่วมงานมานานถึง 30 ปี พาร์ทเนอร์ทำหน้าที่ติดตามเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ทำให้ KCG สามารถปรับตัว เฉลี่ยต้นทุน และรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายดำรงชัย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการผสมผสาน หรือ "ฟิวชั่น" มาตั้งแต่เริ่มต้น ฟิวชั่น ของ KCG ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนำอาหารตะวันตกมาผสมผสานกับอาหารไทย แต่หมายถึงการคิดค้นรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดย KCG ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 5 ประการสำคัญ ดังนี้
1. KCG ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน มาโดยตลอด มุ่งลด Waste Management และ ESG โดยมุ่งเน้นไปที่ การลด Food Waste จัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียอาหาร หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งพัฒนาบรรจุภัณฑ์มิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำมา Recycle ได้
2.KCG มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ "Tech Fusion with Human" ที่ผสมผสานการเติบโตทางเทคโนโลยีเข้ากับการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์อย่างลงตัว แต่ด้วยอาหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ KCG เข้าใจดีว่า "มนุษย์" คือผู้สร้างสรรค์และเชื่อมโยงหัวใจสำคัญ
3.ฟิวชั่นยุคใหม่ ผสมผสานรสชาติท้องถิ่นสู่ความทันสมัย ในอดีต ฟิวชั่นมักหมายถึงการผสมผสานอาหารตะวันตกกับตะวันออก แต่ปัจจุบัน ฟิวชั่นไปไกลกว่านั้น หมายถึงการผสมผสานระหว่าง รสชาติท้องถิ่นดั้งเดิม (Localization) กับ ความทันสมัย (Modernization)
ทำไมฟิวชั่นแบบใหม่นี้จึงสำคัญ เพราะผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความภูมิใจในอาหารท้องถิ่นบ้านเกิด และอยากยกระดับอาหารเหล่านั้นให้เป็นที่รู้จัก หรือนำมาอยู่ในบริบทที่ทันสมัย และการผสมผสาน Localization กับ Modernization ช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ เป็นการคิดค้น และทำในสิ่งที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ หรือเคยทำมาก่อน
4.KCG ผู้ผลิตสินค้าอาหารชั้นนำ มุ่งมั่นตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ผ่านนวัตกรรม "Tasty Fusion with Healthy" ผสมผสานความอร่อยและดีต่อสุขภาพเข้าไว้ด้วยกัน ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น เทรนด์ "Weight Wellness" กำลังมาแรง ผู้คนหันมาออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก แต่ผลิตภัณฑ์นม เนย ชีส หลายคนมักมองว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
5.KCG ผนวกรวมความง่าย ความสะดวก เข้ากับความพิถีพิถัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ KCG มองเห็นเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความง่าย ความสะดวก แต่ยังคงความพิถีพิถัน ผลิตภัณฑ์ของเราจึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ โดยผสมผสานความสะดวกสบายเข้ากับความประณีตบรรจง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนแนวคิดนี้ ได้แก่
จากกลยุทธ์ “Fusion กินnovation” ทำให้ผลประกอบการทางธุรกิจของ KCG เกิดการเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตามอัตราการบริโภค ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 บริษัท มียอดขายรวม 1,785.5 ล้านบาท ขยายตัว 4.5% และมีกำไรสุทธิ 71.6 ล้านบาท ขยายตัว 22.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่ผ่านมา
โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) มียอดขาย 1,085.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่และอื่นๆ (FBI) มียอดขาย 515.7 ล้านบาท สัดส่วน 28.9% และผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) มียอดขาย 184.0 ล้านบาท สัดส่วน 10.3% สำหรับช่องทางการขายให้ผู้ประกอบการ (B2B) มียอดขาย 729.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40.8% ช่องทางการขายให้ผู้บริโภค (B2C) มียอดขาย 991.8 ล้านบาท สัดส่วน 55.5% และช่องทางการส่งออกยอดขาย 64.5 ล้านบาท สัดส่วน 3.6%
สำหรับในงาน THAIFEX 2024 KCG ได้นำเสนอ 5 โซนไฮไลท์ ดังนี้:
1.โซน KCG Corporate
2.โซน KCG Products Highlight
3.โซน KCG Business Solutions
4.โซน Indoguna Thailand
5.โซน Demonstration
โดย KCG เปิดตัว 2 นวัตกรรม ได้แก่ IMPERIAL Edible Cookie Cup แก้วกาแฟกินได้ ทำจากคุกกี้อิมพีเรียลสูตรพิเศษ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้าน ESG รสชาติ และประสบการณ์ของผู้บริโภค และ DAIRYGOLD ผลิตภัณฑ์ชีสสไลซ์แผ่นรสกะเพรา ผสมผสานความเป็นตะวันออกกับตะวันตกอย่างลงตัว เพื่อตอบรับ Modern Lifestyle โดยผสมชีสแท้กับรสชาติผัดกะเพรา เมนูยอดฮิตของคนไทย