นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าวว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงปีก่อน โดยมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 7.9%
โดยมีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ประกอบกับแนวโน้มอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยม ทำให้ตลาดสาหร่ายที่เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักได้รับอานิสงส์ไปพร้อมกับขนมเพื่อสุขภาพ ส่วนปัจจัยที่น่ากังวลคือกำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซากว่าที่คาด แต่เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังเร่งออกมาตรการกระตึ้นกำลังซื้อ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องบริหารจัดการของผู้ประกอบการในขณะนี้คือการบริหารต้นทุน หลังเศรษฐกิจโลกผันผวน ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น ในบางช่วงสูงกว่าปกติถึง 50% แต่ TKN ยังไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นในปีนี้ แต่หากในอนาคตความขัดแย้งสงครามรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ค่าระวางเรือ และราคาน้ำมันพุ่งสูง รวมถึงรัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ก็มีโอกาสสูงที่ผู้ประกอบการต้องปรับราคาสินค้าขึ้นในอนาคตเช่นกัน
สำหรับการดำเนินธุรกิจของ TKN ในปี 2566 ที่ผ่านมา เติบโตสูงถึง 22% โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1.ความต้องการสาหร่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศหลัก จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยเถ้าแก่น้อย เข้าไปทำกิจกรรมการตลาดให้สอดรับกับการบริโภคของตลาดที่เกิดขึ้น
2.การขยายช่องทางตลาดที่สำคัญอย่างสหรัฐฯ โดยสามารถเจาะเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade (MT) เป็นหลัก เช่น ห้าง Costco และห้าง Wholefood
3.กระแสการบริโภคสาหร่ายตามเทรนด์เพิ่มขึ้น แม้ปัจจุบันการแข่งขันจะสูง แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ “เถ้าแก่น้อย” จึงเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของกลุ่มผู้บริโภค
ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ทำให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศ ของ TKN ในช่วงไตรมาส 1/67 เติบโต 13.5% และคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 65% ของยอดขายรวมซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมขยายตลาดเพิ่ม ด้วยการร่วมมือกับ PT Sukanda Djaya เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Partner) สินค้าของ TKN ในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีสินค้าอยู่บนชั้นวางสินค้าครอบคลุม Modern Trade ในอินโดนีเซียอยู่แล้วกว่า 80% โดยเฉพาะช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ซึ่งการร่วมือครั้งนี้ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากอินโดนีเซียเป็น 30% จากปัจจุบัน 15% ยกระดับแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” สู่ Global Brand ในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทเดินหน้ากลยุทธ์ “3GO” โดยเฉพาะกลยุทธ์ "GO Broad" คือการขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้า แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เพื่อขยายพอร์ตสินค้า พร้อมมุ่งเน้นบริหารจัดการยอดขาย ด้วยการบริหารสินค้าและช่องทางการขายที่มีกำไรดีให้มีประสิทธิภาพ มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างน้อย 15% ผ่านช่องทางทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าขยายตลาดใน 5 ตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และ แคนาดา
ด้าน นายวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นตลาดมุสลิมที่นิยมการบริโภคสาหร่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและมีศักยภาพการเติบโตสูง ในการปรับเปลี่ยนตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหม่เมื่อปลายปี 2566 เพื่อมุ่งเน้นการขยายช่องทางการขายที่กว้างขึ้น พร้อมเดินหน้าตอกย้ำการทำตลาดในกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิมให้มากขึ้น
โดยเน้นการสื่อสารผ่าน Key Opinion Leader (KOLs) หรือ Influencer ที่เป็นชาวมุสลิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรม Food Truck จัดบูทชงชิม แจกสินค้าตัวอย่าง เป็นต้น ล่าสุด ในช่วงเทศกาลสำคัญอย่าง รอมฎอน (ถือศีลอด) ได้ร่วมกับพันธมิตรออกบูธในงาน Jakarta Lebaran Fair ที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
Mr. Philip Min Lih Chen President Director บริษัท PT Sukanda Djaya กล่าวว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 45 ปี ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้าอาหารแช่งแข็ง แช่เย็น ขนมขบเคี้ยว และสินค้าบริโภคอื่นๆ โดยนำเข้าโดยตรงจากผู้ผลิตในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพื่อกระจายสินค้าและทำการตลาดทั้งในช่องทาง Retail และ Food Service
โดยเริ่มจากการกระจายสินค้าที่ผลิตจากบริษัทแม่ ได้แก่ ไอศกรีม นม น้ำผลไม้ต่างๆ และสินค้าประเภทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน และมีระบบการขนส่งรวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองมากกว่า 20 แห่งตามเมืองต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับความร่วมมือระหว่าง TKN และ PT Sukanda Djaya เป็นการประกาศความพร้อมรุกตลาดขนมขบเคี้ยวของเถ้าแก่น้อยในอินโดนีเซียทุกมิติ โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เถ้าแก่น้อยมีพอร์ทโฟลิโอหลากหลายรูปแบบ ทั้ง อบ ทอด ย่าง เทมปุระ โดยทุกผลิตภัณฑ์จะถูกพัฒนามาจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคแบบลึกซึ้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกเซ็กเม้นท์ให้ได้สูงที่สุด เน้นการนำเสนอจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน พร้อมผสานคุณประโยชน์และฟังก์ชันรสชาติต่างๆ เพื่อเป็นจุดเด่นของแบรนด์ยิ่งขึ้น
ประกอบกับด้วยความแข็งแกร่งของ PT Sukanda Djaya จะยิ่งช่วยเสริมแกร่งในการนำสินค้ามาบุกตลาด เพื่อสร้างประโยชน์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์เถ้าแก่น้อยที่มีการเติบโตสูง และยังเป็นผู้นำของตลาดสาหร่ายในประเทศอินโดนีเซียประกอบกับผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกรับประทาน ซึ่งการได้เป็น Distributor ของ TKN เราพร้อมช่วยขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ