TKN ขยายปีกขนสาหร่ายบุกต่างแดน วางเป้าปี 67 ยอดขายโต 15%

28 ก.พ. 2567 | 02:30 น.

TKN กางแผนปี 67 เดินหน้าขยายตลาดใหม่ต่างประเทศโดยเฉพาะโซนยุโรปและเอเชีย รับอานิสงส์ไทยเปอดฟรีวีซ่าจีน หนุนยอดขายโค้งแรกเด่น วางเป้ายอดขายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน วางงบ 300 ล้าน อัพแกร่งกำลังผลิต

KEY

POINTS

  • TKN กางแผนปี 67 เร่งเดินหน้าขยายตลาดใหม่ต่างแดน เน้นยุโรป-เอเชีย
  • TKN ปักธงยอดขายปี 67 เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน
  • TKN อัดงบ 200-300 ล้านบาท รองรับเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต

นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล  กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายรวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน โดยแรงขับเคลื่อนหลักๆ เป็นผลมาจากการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ยังมองหาโอกาสในการขยายตลาดไปยัง ทวีปยุโรป อาทิ อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ รวมถึงการขยายไปสู่ตลาดเกาหลีมากขึ้นจากเดิมเป็นการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่าย

มองว่าในปี 2567 สภาพตลาดสแน็กได้กลับมาดีขึ้นมาก เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคทุกประเทศทั่วโลกมองหาสแน็กที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งสาหร่ายก็ถูกจัดอยู่ในส่วนนี้ด้วย ทำให้บริษัทมีโอกาสที่เปิดกว้างในด้านการตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดี โดยในการขยายฐานลูกค้าในประเทศใหม่ๆ บริษัทยังคงวางกลยุทธ์นำผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันไปทำการตลาด ขณะที่ตลาดในเมืองไทยจะมีการเน้นขายผ่านเทรดดิชั่นนอลเทรด มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการขายในตลาดโมเดิร์นเทรด โดยจะมีการการเพิ่มจำนวนดิสทริบิวเตอร์ให้มากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมองว่าจะได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่ไทยกลับมาเปิดประเทศนับตั้งแต่ปลายปีก่อน รวมถึงจากมาตรการฟรีวีซ่าจีนถาวร ส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมามีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ชาวจีนเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ส่งผลให้คาดว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2567 ของบริษัทให้มีการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

ปัจจุบันโครงสร้างยอดขายบริษัทแบ่งออกเป็น ยอดขายจากการส่งออกสัดส่วนประมาณ 60-65% ที่เหลืออีกราว 35-40% เป็นยอดขายภายในประเทศ โดยแม้ว่าบริษัทจะมีการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม แต่คาดว่าทั้งปีจะรักษาสัดส่วนยอดขายไว้เช่นนี้ได้ต่อไป เพราะตลาดในประเทศเองก็มีแนวโน้มการกลับมาเติบโตที่ดีเช่นเดียวกัน

พร้อมกันนี้ บริษัทยังวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของสุขภาพใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติม เช่น สาหร่ายรสชาติใหม่หรือสาหร่ายประเภทอื่นๆ มากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักๆ ยังคงเป้นกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงานขั้นต้น และกลุ่มที่มีอายุ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สาหร่าย "เถ้าแก่น้อย" ยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดสาหร่ายอันดับ 1 ในทุกๆ กลุ่ม ทั้ง ทอด อบ ย่าง ปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทอยู่ระดับที่ 65% นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์สาหร่ายให้มีรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายธุรกิจของบริษัทในเครือ คือ บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด (TKNRF) โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตร "ร้าน 71 หมูกระทะ" ขยายสาขาร้านอาหารภายใต้โมเดลแฟรนไชส์ เปิดร้าน 71 หมูกระทะแห่งแรกที่เป็นสาขาแฟรนไชส์ในทำเลย่านบรรทัดทอง ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภค และเตรียมพร้อมศึกษาการเปิดสาขาเพิ่มเติม 2-3 สาขาในปี  2567 นี้

ส่วนต้นทุนสาหร่ายในปี 2567 ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่มีโอกาสเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการประมาณการตัวเลขไว้บ้างแล้วเพื่อรองรับความเสี่ยง และต้องรอดูหลังจากตรุษจีนว่า ต้นทุนสาหร่ายปีนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร โดยงบลงทุนในปี 2567 เบื้องต้นวางไว้ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาท ใช้เพื่อปรับปรุงการผลิต เพิ่มกำลังการผลิต และลงทุนด้านไอที เป็นต้น