คีย์ซัคเซส “หงส์ไทย” ฝ่า 3 วิกฤต ยืนหนึ่งตลาดยาดมระดับโลก

06 มิ.ย. 2567 | 06:48 น.

ถอดบทเรียนความสำเร็จ 18 ปี ยาดมสมุนไพรกระปุกเขียว “หงส์ไทย” ฝ่า 3 วิกฤต กว่าจะกวาดยอดขาย 350 ล้านบาท พร้อมแฟนคลับระดับโลก

ชื่อของยาดมสมุนไพรไทยกระปุกเขียว “หงส์ไทย” เป็นที่ฮอตฮิตไม่ใช่เฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมทั่วโลก เมื่อศิลปินดังอย่าง “ลิซ่า วง BLACKPINK” เลือกใช้ ไม่เพียงเท่านั้นยังรวมไปถึงนักแสดงระดับ Hollywood คริส เฮมส์เวิร์ธ ยังติดใจในกลิ่นหอมชื่นใจแบบไทยสไตล์ ทำให้วันนี้ “หงส์ไทย” ขึ้นแท่นแบรนด์สินค้าที่มีแฟนคลับทั่วโลก และยังเป็น SME ดาวเด่นในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่กวาดยอดขายได้ถึง 350 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

เส้นทางความสำเร็จของ “หงส์ไทย”  ตลอดระยะเวลา 18 ปี ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะต้องเดินหน้าเผชิญวิกฤตมากมาย โดยเฉพาะ 3 วิกฤตใหญ่ ที่กว่าจะฝ่าฟันมาได้ เรียกว่า “เลือดตาแทบกระเด็น”

คีย์ซัคเซส “หงส์ไทย” ฝ่า 3 วิกฤต ยืนหนึ่งตลาดยาดมระดับโลก

“เก่ง - ธีระพงศ์ ระบือธรรม” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า 3 วิกฤตใหญ่ที่หงส์ไทยต้องเผชิญ ได้แก่  

วิกฤตด้านการบริหารคน

หงส์ไทยต้องเผชิญกับปัญหาพนักงานออกแบบรายวันในช่วง 8 ปีแรกของการทำธุรกิจ เนื่องจากคนในองค์กรมีการปลุกปั่นพนักงาน สร้างความเข้าใจผิดในตัวผู้บริหาร ตัวองค์กร สิ่งที่เขาพยายามทำ คือ ยึดหลักไม่เอาชนะความคิดที่ผิดด้วยการตอบโต้แบบไร้เหตุผล แต่เอาความจริงชนะความคิดที่ผิด โดยใช้หลักเหตุและผลในการบริหารและพูดคุยกับพนักงาน ปรับทัศนคติ คิดแบบเชิงบวก ใช้เวลาในการพิสูจน์ แก้ปัญหาตามความเป็นจริง

พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การบริหารคน แบบ “เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา” ด้วยการสร้างความเข้าใจในตัวพนักงาน ให้เขาเกิดความรู้สึกว่าองค์กรเข้าใจเขา เมื่อองค์กรเข้าใจพนักงาน สิ่งที่ได้กลับสู่องค์กรก็คือ พนักงานเข้าใจในตัวองค์กรและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้ากับองค์กรในทุกๆ ย่างก้าว

จากการดำเนินกลยุทธ์ “เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา” ทำให้ในวันนี้ บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องบุคลากรไหลออกหรือเข้าใจผิดในตัวองค์กรอีกเลย ส่งผลให้หงส์ไทยมีพนักงานเก่าที่อยู่กับหงส์ไทยมากกว่า 10 ปีถึงกว่า  200 คน จากพนักงานทั้งหมดที่มีในปัจจุบันราว 500 คน

วิกฤตต้นทุนพุ่ง

การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้หงส์ไทยต้องประสบปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูงนานกว่า 30 เดือน จากปกติราคา 1,300 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 บาท/กก. แต่ยังต้องทำต่อไป เพราะบริษัทยังมีพนักงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบ คิดเพียงแค่ว่าวันนี้ยอมขาดทุน อนาคตเดี๋ยวก็ได้กำไร ต้องยอมนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปหมุนเป็นเงินสด เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจ พอเริ่มที่จะปรับตัวได้ก็ต้องเผชิญวิกฤตโควิด 19

ธีระพงศ์ ระบือธรรม

ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ยอดขายหายกว่า 85% หงส์ไทยเลือกที่จะไม่ปลดพนักงานหรือลดคน แต่เลือกใช้กลยุทธ์ปรับเวลาทำงาน โดยทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน ทำแบบนี้อยู่ 2 เดือน

“หงส์ไทยไม่มีนโยบายที่จะปลดพนักงานเลย ในช่วง 2 เดือนแรกจ่ายค่าจ้าง 50% เดือนที่ 3-4 จ่าย 80% เดือนที่ 5 กลับมาจ่าย 100%  และมีการชดเชยแบบให้เปล่านาน 2 เดือน ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะปกติ”

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า การบริหารจัดการแบบมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่จำเป็นต้องมีเงินสดสำรองให้มากพอ กระทั่งในวันนี้ “หงส์ไทย” ก็ยังคงบริหารจัดการแบบเงินสดหมุนเวียน ไม่มีการยื่นขอสินเชื่อ ส่วนหนึ่งจะทำให้องค์กรรู้ความสามารถของตัวเอง สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองได้ และพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นเพื่อสร้างการเติบโต

วิกฤตพนักงานขายไร้มาตรฐาน

พนักงานขายถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับบริษัท แต่ในอดีตบริษัทประสบปัญหาเรื่องความเข้าใจไม่ตรงกันของพนักงาน ที่เกิดจากแนวคิดและวิธีการทำการตลาดที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้วิธีเปรียบเทียบสินค้ากับสินค้าของบริษัทอื่นในตลาด กล่าวอ้างว่าสินค้าของบริษัทดีกว่าอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงพนักงานขายของบริษัทจะต้องทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพราะตัวสินค้าของบริษัทดีจริงๆ

ไม่ใช่เพราะการเปรียบเทียบกับใคร หรือมุ่งทำแต่ยอดขายเพียงอย่างเดียว เพื่อหวังค่าคอมมิชชั่น โดยไม่สนใจการบริการหลังการขาย มีการเลือกลูกค้า ลูกค้าเจ้าไหนสั่งน้อยก็ไม่อยากส่งให้ ทำให้ในช่วงแรกๆบริษัทไม่สามารถสร้างยอดขายหรือขยายตลาดได้อย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาดที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก 

คีย์ซัคเซส “หงส์ไทย” ฝ่า 3 วิกฤต ยืนหนึ่งตลาดยาดมระดับโลก

บริษัทจึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับพนักงานขาย โดยพนักงานของบริษัทจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมุ่งหวังแต่จะสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว จนลืมจรรยาบรรณในการค้าขาย บริษัทไม่จำเป็นต้องเหยียบผู้ค้าคนอื่นเพื่อความสำเร็จ วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทมาทำการค้าไม่ใช่มาหาศัตรูคู่ค้า

“วันนี้ขายไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะขายไม่ได้ตลอดไป หรือลูกค้ารายไหนอยากทดลองนำสินค้ามาขายก่อนในจำนวนเพียงไม่กี่ชิ้น ทางบริษัทก็ยินดีที่จะส่งให้ เพราะบริษัทต้องการมอบสิ่งที่ดีให้กับคู่ค้าและลูกค้าทุกคน บนมาตรฐานเดียวกัน เพื่อนำมาสู่ความเชื่อใจในตัวสินค้าและองค์กรในอนาคต”

คีย์ซัคเซส “หงส์ไทย” ฝ่า 3 วิกฤต ยืนหนึ่งตลาดยาดมระดับโลก

“เก่ง – ธีระพงศ์” เล่าต่อว่า ตั้งแต่ได้รับโอกาสเข้ามาวางขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทำให้ยอดขายและชื่อของ “หงส์ไทย” เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ล่าสุดในโอกาสที่บริษัทเข้าสู่ปีที่ 18 ในปีนี้ ทางบริษัทจึงได้จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 1 ไร่ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว จากปัจจุบันมียอดผลิตอยู่ที่ประมาณ 50,000 ขวดต่อวัน พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2567 ไว้ที่ 500 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าหมายว่าในปี 2570 จะเป็นบริษัทที่มีบริการหลังการขายที่ดีที่สุดของวงการยาใช้ภายนอกของไทย เช่น การสร้างมาตรฐานพนักงานขายเดียวกันทั้งหมด ป้องกันการใช้กลยุทธ์การขายเรื่อง ลด แลก แจก แถม เพื่อให้เกิดมาตรฐานด้านการบริการ พนักงานขายทุกคนสามารถขายได้ทั่วประเทศ สินค้าที่ขายไม่หมดหรือขายไม่ได้บริษัทเปลี่ยนให้ เป็นต้น

ความสำเร็จของ “หงส์ไทย” ถือเป็น Role Model ที่ SME ไทยหลายแบรนด์เลือกใช้เป็นต้นแบบในการก้าวเดิน...