วันนี้ (วันที่ 28 มิถุนายน 2567) เจ้าสัวธนินท์ โชว์วิสัยทัศน์ “โอกาสไทยกับความมั่นคงอาหาร” บนเวที THACCA SPLASH Soft Power Forum 2024 ซึ่งเป็นงานประชุมซอฟต์พาวเวอร์ระดับนานาชาติครั้งแรกที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลไทย ซึ่งถือเป็นการประกาศขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์อย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1-2
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ CP กล่าวถึงว่า เมืองไทยเต็มไปด้วยโอกาสโดยเฉพาะหลังโควิด ซึ่งผมมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าในนามของรัฐบาลชุดนี้จะนำเศรษฐกิจไปสู่ความรุ่งเรืองและประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจพื้นฐานของไทยเราเป็นเกษตรครับ ผมเลยจะพูดเรื่องเกษตร เกษตร มีข้าว พืช สวน สมุนไพร
หนึ่งในโอกาสทองที่เห็นคือ "ภาคเกษตร" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย เลยจะพูดเรื่องเกษตร เกษตร มีข้าว พืช สวน สมุนไพรโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพร ซึ่งมีความต้องการจากทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพ
สมุนไพรยิ่งในยุคนี้มีความต้องการมากขึ้น คนทานอาหารเป็นยาประเทศไทยมีสมุนไพรมาก ทางเครือก็อยากจะให้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริม เพราะสมุนไพรมันต้องมีเรื่องของความปลอดภัย ไม่มียาฆ่าแมลง ตรงนี้ทั่วโลกต้องการครับ สมุนไพรไทยหลายชนิดที่ประเทศไทยได้ผลิตมีคุณภาพสูง
นายธนินท์กล่าวว่า ยังมองเห็นโอกาสในธุรกิจถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่สามารถทดแทนเนื้อสัตว์ได้เราจะไปเรื่องเซลล์เรื่องอะไรยังอีกนาน การทำอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต้นทุนยังสูงครับ ไม่ง่าย แต่เรื่องที่ง่ายที่สุดตอนนี้คือเรื่องถั่ว แต่เราก็ยังละเลยทั้งนี้มองว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมภาคเกษตร โดยเฉพาะสมุนไพร และถั่วทางเครือก็อยากจะให้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริม เพราะว่ามันมีโอกาสสูงมาก
นอกจากถั่วแล้วอยากจะผลักดัน "ทุเรียน" ให้กลายเป็นสินค้าเกษตรหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ โดยให้เหตุผลดังนี้
อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีการพัฒนาในหลายด้าน ได้แก่ การพัฒนาพันธุ์ทุเรียนที่มีคุณภาพสูง ป้องกันโรค ทนทานต่อสภาพอากาศ หรือพัฒนาระบบจัดการสวนทุเรียนที่มีประสิทธิภาพรวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน ที่สำคัญต้องปรับแก้กฎหมายให้เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจทุเรียน โดยรัฐบาลควรสนับสนุนเกษตรกรด้านเงินทุน เทคโนโลยี ความรู้ รวมถึงตั้งกองทุนสนับสนุน เพื่อรับความเสี่ยงแทนการกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งกองทุนจะเข้าใจมากกว่า
นอกจากทุเรียนแล้ว ยังมองว่าประเทศไทยมีโอกาสพัฒนาสินค้าเกษตรอื่นๆที่มีมูลค่าสูง เช่น ถั่วเหลือง อีกประเด็นสำคัญ คือ การพัฒนา "เทคโนโลยีตัดต่อยีนส์" เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลง เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร
นอกจากนี้ทาง CP มองเห็นโอกาสในธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะ "อาหารแทนยา" หรืออาหารสำเร็จรูปที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง อาหารเหล่านี้ จำเป็นต้องมีรสชาติที่อร่อย ไม่น่าเบื่อ และยังคงคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม
CP มองว่า "อาหารแทนยา" เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังในประเทศไทยมีจำนวนมาก และผู้ป่วยเหล่านี้ต้องการอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของพวกเขาอย่างไรก็ตาม การพัฒนา "อาหารแทนยา" นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิจัย เพื่อพัฒนาสูตรอาหารที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และตรงกับความต้องการของผู้ป่วย
นายธนินท์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาระบบชลประทานในประเทศไทย โดยเปรียบเทียบว่า “ในยุคปัจจุบัน ถนนหนทางมีเพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่จำเป็นมากกว่าคือ ‘น้ำ’ ทรัพยากรที่มีศักยภาพสูง รอการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบ” การลงทุนในระบบชลประทานนั้น เปรียบเสมือนการลงทุนที่มี “กำไร” มากกว่าการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ
1.น้ำ หล่อเลี้ยง “การเกษตร” ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจไทย ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศและสภาพอากาศ เหมาะแก่การเกษตร หากมีระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ จะส่งเสริมให้ผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
2.น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญในการ “พัฒนาเศรษฐกิจ” ในทุกภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการใช้สอยในครัวเรือน การมีระบบชลประทานที่ดี จะช่วยให้มั่นใจว่ามีน้ำเพียงพอต่อความต้องการ ส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “บุคลากร” ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบชลประทาน โดยเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการศึกษาและฝึกอบรม เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านชลประทานดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีชลประทานที่ทันสมัย
“ผมเชื่อมั่นว่า รัฐบาลชุดนี้มีความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี การลงทุนในระบบชลประทาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย ” สุดท้าย นายธนินท์ มองว่าภาพยนตร์เรื่อง "หลานม่า" เป็นตัวอย่างที่ดีของ "ซอฟต์พาวเวอร์" ที่ควรได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ
สรุป นายธนินท์ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาภาคเกษตรให้เป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศ โดยเฉพาะ "ทุเรียน" "ถั่วเหลือง" และ "เทคโนโลยีตัดต่อยีนส์" ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีการพัฒนาในหลายด้านควบคู่กันไป โดยเฉพาะ "กฎหมาย" "การสนับสนุนจากภาครัฐ" และ "การลงทุนในเทคโนโลยี"