เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ‘บุรณิน’ แนะฉีดยาแรง ปรับภาพลักษณ์ประเทศ!

03 ก.ค. 2567 | 12:01 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ค. 2567 | 12:14 น.

ไทยเผชิญเศรษฐกิจโตต่ำ "ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ" สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ชี้ ยักษ์ใหญ่ต้องสร้างเครือข่ายจับมือ ยักษ์กับยักษ์ และ SMEs ต้องเบนเข็มตีตลาดเอเชีย พร้อมแนะไทยต้องอัดยาแรง Reposition เพื่อแข่งขันท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Marketing Association of Thailand (MAT)  เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในสภาวะชะลอตัว ยักษ์ใหญ่อย่าง จีน สหรัฐ หรือแม้แต่ฝั่งยุโรป GDP ไม่โตตามเป้า สถานการณ์ในประเทศไทยก็ไม่ต่างกันกำลังเผชิญกับ “สภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ” โดยคาดการณ์ GDP อยู่ที่ 2% การเอาตัวรอดในวิกฤติดังกล่าว ประเทศไทยต้อง Reposition ประเทศให้อยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็นไม่ใช่ทิศทางที่อยากจะเป็น

เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ‘บุรณิน’ แนะฉีดยาแรง ปรับภาพลักษณ์ประเทศ!

 “ในสายตานานานาชาติประเทศไทยคือ Thailand of smile ดินแดนแห่งเอนเตอร์เทนเมนต์ การบริการที่ไม่แพ้ชาติไทย เราต้องวางภาพลักษณ์ประเทศให้เหมาะสำหรับเป็น “เพื่อนเที่ยว” เนื่องจากอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนประเทศในปัจจุบันคือการท่องเที่ยว การเอาตัวรอดในวิกฤตระยะสั้นนี้คือการปรับจุดยืนของประเทศจากอุตสาหกรรมหนักสู่อุตสาหกรรมการบริการ กล่าวคือต้องพึ่งพา AI เทคโนโลยีสะอาด ก้าวสู่อุตสาหกรรม Service solution”

วิกฤตเศรษฐกิจ คือโอกาส เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เผชิญกันทั่วโลก ประเทศที่ตั้งหลักได้ก่อนจะได้เปรียบสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำในมุมธุรกิจคือต้องขาย solution ในทุกช่องทาง สิ่งที่ทุกบริษัทต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดมี 3 หัวใจสำคัญ การปรับตลอดเวลา, ใช้นวัตกรรม และการทรานฟอร์มธุรกิจ สิ่งนี้คือคัมภีร์ที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน 

ดร.บุรณิน กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลัง 67 อุตสาหกรรมที่ต้องเฝ้าระวัง อุตสาหกรรมยุค 1.0 กล่าวคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตส่งออก หรือธุรกิจที่พึ่งพาการผลิตเป็นหลัก สิ่งที่ธุรกิจดังกล่าวต้องเผชิญต่อให้สายป่านยาวแต่ธุรกิจฐานรากไม่แข็งแรงก็สามารถทำให้ล้มได้

เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ‘บุรณิน’ แนะฉีดยาแรง ปรับภาพลักษณ์ประเทศ!

กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ต้องออกวางแผนไปทำตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ต้องมองหาหาพาทเนอร์ต่างประเทศ และต้องนำธุรกิจ SMEs ในไทยออกไปทำตลาดต่างประเทศด้วย ในแง่ของการร่วมมือเป็นพันธมิตร หรือการสนับสนุนการส่งออก เพราะธุรกิจ SMEs มีความสำคัญกับการเติบโตของ GDP กว่า 35%

อย่างหลงกับดักปัจจัยบวก สิ่งที่น่าจับตาในครึ่งปีหลังที่ส่งสัญญาณบวกคือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เอื้อต่อธุรกิจ นโยบายการเปิดประเทศที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทะลักเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ไปจนถึงนโยบายงบประมาณที่จะอัดฉีดใครครึ่งปีหลัง สิ่งที่ควรระวังเปรียบเสมือนหนามที่ซ่อนอยู่คือมีกลุ่มทุนต่างประเทศที่จะช่วงชิงกำลังซื้อภายในประเทศ เฉพาะฉะนั้นภาครัฐและเอกชนจะต้องวางแผนในการก้าวข้ามอุปสรรคดังกล่าวและต่อยอดปัจจัยบวกให้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงให้ได้

เมื่อพูดถึงเศรษฐกิจชะลอตัวจะเกี่ยวข้องกับกำลังซื้อที่ชะลอตัวจาม ในมุมของผู้บริโภคคือการรัดเข็มขัด แต่ในมุมของธุรกิจแตกต่างกันออกไป ธุรกิจไม่สามารถรัดเข็มขัดอัดยาแรงได้ สิ่งที่องค์กรควรทำคือการข้ามเลือดเฉพาะจุด ต้องเดินหน้าอัดฉีดทำตลาด มองหาช่องว่างเพื่อต่อยอดให้ได้ ต้องขายสินค้าให้เกิดประโยชน์มีมูลค่าและให้ตัวเองได้เปรียบและขายของได้ ดร.บุรณิน กล่าวเสริม

เศรษฐกิจไทยโตต่ำ ‘บุรณิน’ แนะฉีดยาแรง ปรับภาพลักษณ์ประเทศ!

จากการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจดังกล่าวของ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ในฐานะนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สู่แผนยุทธศาสตร์ 2 ปี ในการปั้น “นักการตลาด” ให้มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศใช้การตลาดสร้างผู้ประกอบการใหม่ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ธุรกิจใหม่ และสร้างการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรในต่างประเทศ โดยเสนอ 5 โฟกัสหลักเพื่อเป็นเข็มทิศให้นักธุรกิจไทยในครึ่งปีหลัง 2567 ประกอบด้วย:

  1. การสร้างกำลังใจและข่าวดี ส่งเสริมความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวงการธุรกิจ
  2. สนับสนุน Green ที่เป็นของจริง ไม่ใช่จำแลง ผลักดันแนวคิด Sustainability และ Responsible Marketing อย่างจริงจัง
  3. สังเคราะห์ AI เพื่อความเท่าเทียม ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม
  4. ส่งเสริม SMEs ให้มี Own Channel Own Content เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย
  5. สะสมความชำนาญและประสบการณ์ในตลาดเอเชีย (Asia Mastery) มุ่งเน้นการเข้าใจและเจาะตลาดเอเชียซึ่งกำลังเป็น Hub ของหลายอุตสาหกรรม

ดังนั้น สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือการเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ สร้างความร่วมมือ เกื้อกูล และปรับตัวไปด้วยกัน  และเชื่อว่าการตลาดในสมัยหน้า กลุ่มประเทศ Asia จะเป็นผู้นำ นักการตลาดไทยจึงต้องเกาะติดสถานการณ์ ไว้ และมาร่วม Change-Innovate-Transform เพื่ออนาคต

นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในการปรับบทบาทจาก "Platform" สู่การเป็น "Accelerator" โดยมีแผนร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำข้อมูล Foresight และ Insight ที่จำเป็น เพื่อให้นักการตลาดและผู้ประกอบการมีข้อมูลที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง  

พร้อมกันนั้น นายสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล อุปนายกฝ่าย Digital Marketing & Technology และศาสตราจารย์วิทวัส รุ่งเรืองผล กรรมการอำนวยการของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่าฐานรากสำคัญของประเทศนั่นคือธุรกิจ SMEs นอกจากยักษ์ใหญ่แล้ว “คนตัวเล็ก” ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าธุรกิจ SMEs เติบโตก็จะส่งผลดีต่อ GDP เช่นกัน

โดยได้เผยกลยุทธ์สำคัญสำหรับ SMEs ไทยในการเร่งเครื่องสู่ความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ นั่นคือ มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดเอเชียที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะอาเซียน จีน และอินเดีย ผ่านช่องทาง e-commerce และการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งโดยเน้นการสร้างมูลค่าและคุณค่าที่แตกต่าง มุ่งเน้นการสร้างกำไรจากลูกค้าที่เห็นคุณค่าแบรนด์มากกว่าการเน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว

การส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของ SMEs ในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ และ การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง