โรเบิร์ต วอลเทอร์ส บริษัทจัดหางาน เผยผลสำรวจภาพรวมแนวโน้ม "เงินเดือน" และตลาดการจ้างงานทั่วโลก รวมถึงตลาดประเทศไทยจัดทำขึ้นในเดือนกันยายน 2567 โดยรวบรวมความคิดเห็นจากพนักงานและบริษัทในประเทศไทย ถึงความคาดหวังต่อเงินเดือน และกลยุทธ์การรักษาพนักงานในปี 2568
นางสาวปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมสำคัญของตลาดแรงงานไทยในปี 2568 ความต้องการบุคลากรในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นในปี 2568 โดยนายจ้างมีแผนปรับขึ้นเงินเดือนในหลายภาคส่วน แต่ยังเป็นการยากที่จะสามารถตอบสนองความคาดหวังของเงินเดือนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ส่วนสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ยอดนิยมที่มอบให้พนักงาน ได้แก่ หลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนา ประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น ด้านการรักษาบุคลากร กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในการสรรหา
ปัจจุบันพนักงานให้ความสำคัญกับค่าตอบแทนเป็นลำดับแรก โดยมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นปัจจัยสำคัญรองลงมา ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่คาดหวังที่จะเปลี่ยนงานในปี 2568 ทำให้ตลาดการสรรหาพนักงานเปิดกว้างมากขึ้น
ตำแหน่งงานที่มีความต้องการสูง ได้แก่ ผู้จัดการโรงงานและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพและการวิจัยและพัฒนา (R&D) ความต้องการเหล่านี้เด่นชัดในอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัว เช่น การผลิตอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) และ ยานยนต์
ในส่วนของสายงานทรัพยากรบุคคล (HR) ตำแหน่งที่ต้องทำหน้าที่บริหารคนและบริหารธุรกิจควบคู่กันไปหรือ HR Business Partner (HRBP) และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้และพัฒนา (Learning and Development) จะเป็นที่ต้องการสูง
ด้านอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ (healthcare) มีความต้องการเฉพาะด้านในตำแหน่งนักการตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย เพื่อสนับสนุนการตลาดผลิตภัณฑ์และการขยายตลาด ในขณะเดียวกัน ในภาคการเงินและธนาคาร การออกใบอนุญาตธนาคารเสมือนจริง (Virtual Banking) โดยธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2568 จะช่วยผลักดันความต้องการบุคลากรในหลากหลายตำแหน่งในภาคการเงินและธนาคาร
ในส่วนของนายจ้าง ทักษะด้านสังคมและอารมณ์ (soft Skills) ที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การมีทัศนคติเชิงบวกและความยืดหยุ่น (56%) ตามมาด้วยทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันเป็นทีม (51%) และทักษะการแก้ปัญหาและการคิดเชิงวิเคราะห์ (49%)
นอกจากนี้ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับพนักงานที่พูดภาษาจีนได้ โดยเฉพาะในสายงาน วิศวกรรม ซัพพลายเชน และ ทรัพยากรบุคคล (HR) ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของบริษัทจีนในประเทศไทย
บริษัทบางแห่งเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาในตลาดการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในวงกว้างยังมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร โครงสร้างพื้นฐาน และทักษะพนักงาน จากการที่ AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการทำงานมากขึ้น
จึงมีผลกระทบต่อทักษะที่จำเป็นในตลาดแรงงาน ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ความต้องการพนักงานที่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ภาคบัญชีและการเงิน
นางสาวปุณยนุช กล่าวต่อว่า บทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีในกระบวนการสรรหาบุคลากร “ปัจจุบัน บริษัทส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงกระบวนการสรรหาให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยทำงานในบางขั้นตอน เช่น การประกาศรับสมัครงาน และการจัดตารางสัมภาษณ์
นอกจากนี้ การสัมภาษณ์งานแบบเสมือนจริงและการใช้การประเมินผลออนไลน์ได้กลายเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงผู้สมัครได้หลากหลายมากขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ยังคงถูกใช้ในวงจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทจัดหางาน อย่างเช่น แพลทฟอร์มการหางานหรือบริษัทจัดหางานข้ามชาติเท่านั้น”
การมอบสวัสดิการที่น่าสนใจให้กับพนักงานจะเป็นไฮไลท์สำคัญในปีหน้า โดยการเสนอสิทธิประโยชน์และโครงการที่ช่วยยกระดับความผูกพันของพนักงาน โดยนอกจากเงินเดือนแล้ว พบว่า
พนักงานยังให้ความสนใจที่จะร่วมงานกับองค์กรที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมและการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมทั้งมอบความมั่นคงในงานและโอกาสเติบโตในสายอาชีพ โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่
ในปี 2568 พนักงานส่วนใหญ่กว่า 80% กำลังมองหางานใหม่แสดงถึงความต้องการการเติบโตและความก้าวหน้าในการทำงาน นอกจากนี้ 79% ของพนักงานยังมั่นใจในโอกาสการจ้างงานที่มีอยู่ ซึ่งสื่อถึงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมตลาดการจ้างงานในอนาคต
กว่า 46% ของนายจ้างระบุว่า ความคาดหวังด้านเงินเดือนและสวัสดิการเป็นปัญหาสำคัญที่สุดในการดึงดูดบุคลากร ปัญหาอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่
การขาดผู้สมัครงาน (41%) การขาดประสบการณ์ในอุตสาหกรรม (37%) อย่างไรก็ตาม กว่า 50% ของนายจ้างมองว่าการแข่งขันสูงในตลาดแรงงานซึ่งเกิดจากการที่พนักงานมักมองหาโอกาสในตำแหน่งใหม่อย่างต่อเนื่อง
เป็นอุปสรรคสำคัญในการรักษาบุคลากร ปัญหาอื่นๆเพิ่มเติม ได้แก่ การขาดโอกาสเลื่อนตำแหน่งและการเติบโตในสายอาชีพที่จำกัด (38%) และ ความยากลำบากในการเสนอค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สามารถแข่งขันได้ (34%)
ผู้สมัครที่มีทักษะที่ตรงกับงาน คาดว่าจะได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นสูงสุด 20% ในสายงานที่ขาดแคลนบุคลากร เช่น การจัดการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อาจมีการปรับเงินเดือนที่เพิ่มสูงขึ้นกว่านี้
สำหรับกลุ่มที่ยังต้องการการฝึกอบรมหรือการเตรียมความพร้อมเพิ่มเติม การปรับเงินเดือนเพิ่มอาจอยู่ที่ประมาณ 15% ในส่วนของพนักงานที่ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม คาดว่าจะได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 2-4% ในปี 2568
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า 70% ของพนักงานต่างคาดหวังการปรับขึ้นเงินเดือนในปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับแผนของนายจ้างในหลายภาคส่วนกว่า 3 ใน 4 ที่มีแผนจะปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานในปีหน้า
การปรับเงินเดือนเป็นประเด็นที่พนักงานทุกคนให้ความสำคัญ และการกำหนดเปอร์เซ็นต์การปรับเงินเดือนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสายงานก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและกระตุ้นให้พนักงานมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน จากข้อมูลที่ให้มาสามารถสรุปแนวโน้มการคาดหวังการปรับเงินเดือนของแต่ละสายงานได้ดังนี้
บัญชีและการเงิน15-20%เป็นที่ต้องการของตลาด มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ
กฎหมาย20-30%ความต้องการทักษะเฉพาะทางสูง ค่าตอบแทนจึงมักสูงตาม