CMMU เผยเทรนด์ 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า "เออ-ออ" ตามกระแส

14 ม.ค. 2568 | 10:34 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ม.ค. 2568 | 13:00 น.

CMMU เผย 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า "เออ-ออ" ตามกระแส ชี้อาหาร-เทคโนโลยี-ทองคำ ยอมจ่ายแต่ไม่ยอมตกเทรนด์ พร้อมแนะกลยุทธ์ช่วยผู้ประกอบการปรับตัวทันยุคสมัย

ยุคที่ใครๆ ก็ตามกระแส ล่าสุดวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU เผยผลวิจัย "ER-OR MARKETING: การตลาดแบบเออ-ออ พฤติกรรมตามกระแสของคนไทยในปัจจุบัน" ชี้ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมซื้อสินค้าตามกระแส โดยเจาะอินไซต์ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม เทคโนโลยี และการลงทุน

ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า การตลาดแบบเออ-ออ พฤติกรรมตามกระแสของคนไทยในปัจจุบัน” ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร

โดยมีสาเหตุหลักๆ จากอิทธิพลของสื่อโซเชียลมีเดียที่ทำให้การเผยแพร่และแชร์ข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและเรียลไทม์ส่งผลให้เกิด Customer Journey ที่สั้นและเร็วกว่าเดิม ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการเพียงเพราะเห็นคนรอบข้าง ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencers) หรือคนส่วนใหญ่นิยมใช้สินค้าและบริการเหล่านั้น

เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเลือกสิ่งที่ถูกต้องและหากไม่ซื้อตามอาจพลาดสิ่งดีๆ ไป จนทำเกิดกระแส "คล้อยตาม" หรือ “ซื้อตามกัน” อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการค้นหาหรือศึกษาข้อมูลนานๆ เหมือนแต่ก่อน 

3 กลุ่มธุรกิจหลัก "เออ-ออ" ตามกันมากที่สุด

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการตลาดในประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง และทำให้เกิดเทรนด์การตลาดใหม่ที่เรียกว่า “การตลาดแบบเออ-ออ” โดยมี 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่มักมีการเออ-ออ ตามกันมากที่สุด และเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนไทย ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการลงทุน 

CMMU เผยเทรนด์ 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า \"เออ-ออ\" ตามกระแส

จากการสำรวจพบว่า “กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม” มีการเออ-ออ มากที่สุดถึง 60% โดยผู้หญิง Gen Z มีแนวโน้มเออ-ออ กินตามกระแสมากที่สุด 

ส่วนประเภทอาหารที่นิยมกินตามกันมักเป็นอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ คาเฟ่ และร้านอาหารนานาชาติ ปัจจัยที่มีอิทธิพลให้คนกลุ่มนี้เออ-ออ ตามกัน คือ เพื่อนและรีวิวในแพลตฟอร์ม Tiktok ตามด้วย Instagram และ Facebook Page โดยผู้หญิงจะนิยมร้านบุฟเฟต์และคาเฟ่มากที่สุด 

 

ส่วน LGBTQ+ และผู้ชายให้ความสำคัญกับร้านที่มีเอกลักษณ์ “กลุ่มเทคโนโลยี” กลุ่มตัวอย่างมองว่า “เทคโนโลยีมาไวไปไวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การได้ใช้เทคโนโลยีที่มาใหม่ก่อนใครถือเป็นกำไรชีวิต

CMMU เผยเทรนด์ 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า \"เออ-ออ\" ตามกระแส

โดยผู้ชาย Gen Y กว่าครึ่งนิยมเออ-ออ ตามกระแสเทคโนโลยีมากที่สุด ส่วนสินค้าที่ทำให้คนเออ-ออ ตามกันมากที่สุด ได้แก่ สมาร์ตโฟน แท็ปเล็ต และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะตอบโจทย์การใช้งานและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ 

คนส่วนใหญ่มักเออ-ออ ตามผู้เชี่ยวชาญใน Youtube เพราะเชื่อว่ารู้จริงและให้ข้อมูลได้ครบถ้วน น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ ยังมีการสำรวจพฤติกรรมตาม Generation ซึ่งพบว่า Gen Y และ Z นิยมสินค้าทันสมัย เช่น สมาร์ตโฟน แอปพลิเคชัน และแก็ดเจ็ต Gen X เน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานระยะยาว Baby Boomers มักเออ-ออ เลือกสินค้าราคาประหยัดและใช้งานง่าย 

CMMU เผยเทรนด์ 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า \"เออ-ออ\" ตามกระแส

ส่วนกลุ่มการลงทุนทุก Gen ลงความเห็นว่า "ทองคำ" น่าเออ-ออ ลงทุนตามกระแสมากที่สุด และในภาพรวม Gen Z เป็นวัยที่มองหาการลงทุนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทันสมัย คล่องตัว เน้นการเติบโตระยะยาว โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะมองหาไอเดีย และเออ-ออลงทุน

โดยพิจารณาร่วมกันระหว่างคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญใน Youtube & Facebook และการตัดสินใจของตนเอง นอกจากนี้ยังพบอีกว่า TikTokเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเออ-ออในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ YouTube ครองใจกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีและการลงทุน

3 ปัจจัยหลัก ทำไมคนไทยถึงตามกระแส

ด้าน นายชยณัฐ รักษาพันธ์ หัวหน้าทีมวิจัย นักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า การที่คนไทยเกิดพฤติกรรมเออ - ออ กับหลาย ๆ กลุ่มสินค้าและบริการกันมากขึ้นนั้นพบว่ามีปัจจัยและ 3 แรงจูงใจที่สำคัญคือ

1. Social Influence อิทธิพลทางสังคมที่ส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก หรือพฤติกรรมของบุคคล

2.Band Vagon Motivation พฤติกรรมการซื้อสิ่งที่กำลังได้รับความนิยม เพราะอยากถูกยอมรับ

3. Fomo ความรู้สึกกังวลว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป หรือถูกตัดขาดจากสังคม

เผยกลยุทธ์ ER-OR รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล

นอกจากนี้ จากที่ได้ทำการวิเคราะห์เชิงลึกถึงพฤติกรรมเออ-ออ ยังได้สรุปเป็น ER-OR Strategy สำหรับรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งแบบเฉพาะหน้า ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ดังต่อไปนี้

E – Engagement สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย : สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านกิจกรรม แคมเปญ รวมถึงคอนเทนต์ที่น่าสนใจและทำให้เกิดการมีส่วนร่วม เช่น โพลล์ การคอมเมนต์ หรือการแชร์เนื้อหาและประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและกระตุ้นการตัดสินใจ

R - Reliability สร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ : สร้างความมั่นใจว่าแบรนด์น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ ด้วยการรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ ยิ่งแบรนด์มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ แนวโน้มที่คนหมู่มากจะคล้อยตามการรีวิวจากผู้ใช้จริงหรือคำแนะนำของผู้มีอิทธิพลก็จะยิ่งง่ายขึ้น 

CMMU เผยเทรนด์ 60% คนไทยกล้าควักกระเป๋า \"เออ-ออ\" ตามกระแส

O – Outstanding สร้างความโดดเด่นและแตกต่างเหนือคู่แข่ง : สร้าง "ความโดดเด่น" ให้กับสินค้าและบริการโดยเน้นคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร คุณภาพที่เหนือกว่า หรือคุณสมบัติที่แตกต่าง เพื่อป้องกันความผิดหวังจากการคล้อยตามกัน และเพื่อให้แบรนด์น่าสนใจ เป็นที่จดจำ และเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าคู่แข่ง 

R – Relationship สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเกิด Brand Loyalty : สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าผ่านการสื่อสารอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ รับฟังและตอบสนองความคิดเห็นของลูกค้าพร้อมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น โปรแกรมความภักดีที่ตอบโจทย์และเข้าใจความต้องการของลูกค้า

ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อยๆ หรือมอบประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ภักดี เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่มีคุณค่าและอยากแนะนำให้คนอื่นๆ มาใช้สินค้าและบริการ