นางสาว กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในประเทศไทย มีมูลค่าราว 47,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นเซกเมนต์เบอร์เกอร์ 11,000 ล้านบาท และ ไก่ทอด27,000 ล้านบาท และตลาดพิซซ่า 9,000 ล้านบาท
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ตลาดยังคงเติบโตได้ดีจาก การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและกำลังซื้อภายในประเทศ ทำให้ยอดขายของแมคโดนัลด์ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามตลาด QSR ยังคงเผชิญ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่
นางสาว กิตติวรรณ อนุเวชสกุล
1.การแข่งขันที่สูง ซึ่งทำให้แบรนด์ต้องพัฒนากลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้า
2.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ร้าน QSR ต้องปรับเมนูให้ตอบโจทย์
3.ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
แมคโดนัลด์ประเทศไทยสามารถสร้าง รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทำยอดขาย 7,957 ล้านบาท ในปี 2567 เติบโตขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิ 350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2566
แมคโดนัลด์ ประเทศไทยสามารถรักษา ตำแหน่งผู้นำในตลาด QSR ได้ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1.Flagship Value Platform – เน้นความคุ้มค่า ราคาจับต้องได้
แมคโดนัลด์ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า โดยนำเสนอเมนูที่ราคาสบายกระเป๋าแต่ยังคงคุณภาพ ส่งผลให้แมคโดนัลด์ ครองส่วนแบ่งตลาดไก่ทอดที่ 19-20% และ ตลาดเบอร์เกอร์ที่ 55% เป็นอันดับ 1 ในตลาด QSR
แมคโดนัลด์เลือกใช้กลยุทธ์ "แฟนดอม มาร์เก็ตติ้ง" โดยใช้ ต้าห์อู๋ - พิทยา แซ่ฉั่ว เป็นพรีเซนเตอร์หลักเพื่อเข้าถึงกลุ่ม GEN Z แคมเปญนี้ช่วยให้แมคโดนัลด์สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่และดันยอดขายในกลุ่มเป้าหมายโตขึ้น 33% คาดว่าปี 2568 จะสามารถขยายตัวได้มากกว่า 15%
แมคโดนัลด์จะเดินหน้าสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และแคมเปญเด็ดต่าง ๆ เพื่อปลุกตลาดเบอร์เกอร์ให้คึกคักตลอดปี ปีนี้จัดแคมเปญพิเศษ "40th Fanniversary" เพื่อตอบแทนลูกค้าด้วยโปรโม ซึ่งปัจจุบัน แมคโดนัลด์มี สมาชิกมากกว่า 4.7 ล้านคน และตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นางสาวกิตติวรรณ กล่าวต่อว่า แผนการลงทุนของแมคโดนัลด์ในประเทศไทยปี 2568 บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะถูกจัดสรรออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1.ปรับปรุงและรีโนเวตสาขาเดิมจำนวน 25 แห่ง เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารของลูกค้า ปรับปรุงโครงสร้างร้านให้ทันสมัย
2.การขยายสาขาใหม่อีก 20 แห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยแบ่งเป็น 60% ในกรุงเทพฯ และ 40% ในต่างจังหวัด ภายใต้ สามคอนเซ็ปต์ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ได้แก่
3.การลงทุนด้านเทคโนโลยี (Experience of the Future: EotF) โดยบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ประสบการณ์การใช้บริการภายในร้านผ่านระบบดิจิทัล โดยเฉพาะการ ติดตั้งเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (Self-Ordering Kiosk)
ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งครบทุกสาขาเดิมแล้ว และในปี 2568 จะมีการขยายการติดตั้งเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติไปยังทุกสาขาที่เปิดใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และลดระยะเวลาในการสั่งอาหาร
จากกลยุทธ์ดังกล่าว ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ในปี 2568 ซึ่งหากสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง บริษัทมีโอกาสที่จะสามารถทำรายได้ถึง 10,000 ล้านบาทภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งนี้ แมคโดนัลด์ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายสาขา การปรับปรุงร้านให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นอย่างยั่งยืน