thansettakij
ทนพิษความหวานไม่ไหว "เฮลซ์บลูบอย" ขึ้นราคา 5-10% เริ่ม 1 เมษายน นี้

ทนพิษความหวานไม่ไหว "เฮลซ์บลูบอย" ขึ้นราคา 5-10% เริ่ม 1 เมษายน นี้

26 มี.ค. 2568 | 07:22 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2568 | 07:36 น.

ส่องอาณาจักรพันล้าน น้ำหวานในตำนาน "เฮลซ์บลูบอย" เตรียมปรับราคาขึ้น 1 เมษายน 2568 สังเวยภาษีความหวาน พร้อมเข้าใจภาษีความหวานเฟส 4 ยิ่งหวานยิ่งจ่ายแพง

KEY

POINTS

  • เปิดอาญาจักร "เฮลซ์บลูบอย" จากร้านโชห่วย สู่ตำนานน้ำหวานคู่ครัวไทยกว่า 6 ทศวรรษ
  • "เฮลซ์บลูบอย" เตรียมปรับราคาขึ้น 5-10% เริ่ม 1 เมษายน 2568 เหตุหลักจากภาระภาษีความหวานเฟส 4 
  • ภาษีความหวานเฟส 4 เริ่ม 1 เมษายน 2568 เป็นการจัดเก็บตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 ยิ่งปริมาณน้ำตาลสูง อัตราภาษีต่อลิตรยิ่งสูงขึ้น หวังลดบริโภคน้ำตาลและส่งเสริมสุขภาพ

 

กระเป๋าแบนลากยาวตั้งแต่สิ้นปี 2567 ถึง ปี 2568 สิน้าอุปโภคบริโภค หรือ (FMCG) พาเหรดขึ้นราคา เหตุแบกต้นทุนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็น ผงชูรส กาแฟผงกาแฟพร้อมดื่ม ของสด ของใช้ในครัวเรือน ถึงตาสินค้าคู่กายพ่อค้าแม่ค้าอย่างน้ำหวานในตำนาน “เฮลซ์บลูบอย”

ทนพิษความหวานไม่ไหว \"เฮลซ์บลูบอย\" ขึ้นราคา 5-10% เริ่ม 1 เมษายน นี้

 

"เฮลซ์บลูบอย" สุดยื้อ! ทนพิษภาษีความหวานไม่ไหว จ่อขึ้นราคา 5-10% เมษาฯ นี้

 

น้ำหวานเข้มข้นในตำนาน "เฮลซ์บลูบอย" ประกาศเตรียมปรับราคาขึ้น 5-10% เริ่ม 1 เมษายน 2568 หลังแบกรับต้นทุนภาษีความหวานเฟส 4 และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องไม่ไหว การขึ้นราคาครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มและขนมหวานอื่นๆ อาจทยอยปรับราคาตาม ส่งผลกระทบต่อร้านค้ารายย่อยที่กำลังซื้อยังซบเซาในหน้าร้อนนี้

การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้สินค้าประเภทเครื่องดื่มและขนมหวานอื่นๆ ต้องปรับราคาตามไปด้วย นอกจากนี้ ร้านค้ารายย่อยก็อาจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ยังคงซบเซาในช่วงฤดูร้อนนี้

แหล่งข่าวจากร้านค้าหลายแห่งเปิดเผยว่า สินค้าในกลุ่มคลายร้อนกำลังจะทยอยปรับราคาขึ้นในเดือนเมษายนนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ผู้ประกอบการบางส่วนมองว่า นี่เป็นโอกาสที่จะปรับราคาเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปในช่วงที่ผ่านมา

ยิ่งหวานยิ่งจ่ายแพง! เปิดเพดาน ภาษีความหวานเฟส 4 มีผล 1 เมษายน 2568

 

การจัดเก็บภาษีความหวานดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยมีโครงสร้างอัตราภาษีแบบหลายระดับ ซึ่งจะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามปริมาณความหวานหรือปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในสินค้า

กรมสรรพสามิตมีวัตถุประสงค์หลักในการบังคับใช้มาตรการนี้ เพื่อให้ราคาสินค้าที่มีปริมาณน้ำตาลเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานปรับตัวสูงขึ้น อันจะนำไปสู่การลดการบริโภคเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลของผู้บริโภค และส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนในภาพรวม ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าว ได้แก่ ผู้นำเข้าสินค้า และผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของน้ำตาล

ทั้งนี้ภาษีความหวานเฟส 4 ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 เดินหน้าเต็มพิกัด 1 เมษายน 2568 นี้ หวังคุมเข้มปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ผู้ผลิต

อัตราภาษีความหวาน เฟส 4 (ต่อลิตร):

  • ปริมาณน้ำตาล 0-6 กรัม คิดอัตราภาษี 0 บาทต่อลิตร
  • ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร
  • ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร
  • ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร
  • ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร
  • ปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร

 

เปิดอาญาจักร "เฮลซ์บลูบอย" จากร้านโชห่วย สู่ตำนานน้ำหวานคู่ครัวไทยกว่า 6 ทศวรรษ

 

"เฮลซ์บลูบอย" (Hale's Blue Boy) แบรนด์น้ำหวานเข้มข้นที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ โดยบริษัทจำหน่ายสินค้าเพียงแค่ชนิดเดียวสามารถโกยรายได้พันล้าน หลังมีกระแสการเตรียมปรับราคาขึ้น 5-10% ในวันที่ 1 เมษายน 2568 สร้างความสนใจให้กับผู้บริโภคถึงความเป็นมาของแบรนด์เก่าแก่รายนี้ วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” มาทำความรู้จักแบรนด์เก่าแก่นี้จากจุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้นจากร้านโชห่วย พ.ศ. 2502

เรื่องราวของเฮลซ์บลูบอยเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2502 จากร้านโชห่วยเล็กๆ ของ 4 พี่น้องตระกูลพัฒนะอเนก ซึ่งเป็นครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน พวกเขาเล็งเห็นโอกาสในตลาดน้ำหวานที่ในสมัยนั้นยังมีคู่แข่งน้อยราย จึงเริ่มคิดค้นสูตรน้ำหวานและนำมาวางขายในร้านของตนเอง ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเกินคาด ทำให้ทั้ง 4 พี่น้องตัดสินใจเบนเข็มมาทำธุรกิจน้ำหวานอย่างจริงจัง และก่อตั้งแบรนด์ "เฮลซ์บลูบอย" ขึ้นในที่สุด

หนึ่งในภาพจำสำคัญของเฮลซ์บลูบอยคือ โลโก้รูปเด็กชายใส่เอี๊ยมสีฟ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ว่ากันว่าโลโก้นี้มาจากการสลักบนแผ่นไม้ด้วยมือ ไม่ได้ผ่านการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้มีความเป็นออริจินัลและยากต่อการเลียนแบบ

ทนพิษความหวานไม่ไหว \"เฮลซ์บลูบอย\" ขึ้นราคา 5-10% เริ่ม 1 เมษายน นี้

ตลอดระยะเวลากว่า 63 ปี เฮลซ์บลูบอยเติบโตอย่างมั่นคง แม้จะไม่เน้นการตลาดที่หวือหวา หรือการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์มากนัก แต่บริษัทกลับเลือกที่จะมุ่งเน้นในสิ่งที่ตนเองถนัด นั่นคือการผลิตน้ำหวานที่มีคุณภาพและรสชาติถูกปากคนไทย ทำให้เฮลซ์บลูบอยสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดน้ำหวานได้อย่างยาวนาน

แม้จะไม่ค่อยปรากฏตัวในสื่อ แต่ผลประกอบการของ บริษัท เฮลซ์ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย ก็เติบโตอย่างน่าสนใจ โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ 3,320 ล้านบาท และกำไรสูงถึง 1,057 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความภักดีของผู้บริโภค

ปรับราคาครั้งแรกในรอบหลายปี

การประกาศปรับราคาขึ้น 5-10% ในวันที่ 1 เมษายน 2568 นี้ ถือเป็นการปรับราคาครั้งสำคัญในรอบหลายปีของเฮลซ์บลูบอย สาเหตุหลักมาจากการแบกรับต้นทุนภาษีความหวานที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลา และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การปรับราคาครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต้องเผชิญในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และความผูกพันกับผู้บริโภคที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เชื่อว่า "เฮลซ์บลูบอย" จะยังคงเป็นน้ำหวานยอดนิยมคู่ครัวไทยต่อไป