นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อกรณีที่นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่า
นายกฯ ตั้งใจโกงค่าไฟฟ้าประชาชน จำนวน 1 แสนล้านบาท เพราะเดินหน้าสานต่อการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนระยะ 2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ แม้จะชะลอโครงการ 3 เดือน แต่ไม่มีคำชี้แจงจากนายกฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร หรือเป็นเทคนิคให้เรื่องเงียบเพื่อให้ลงนามซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนได้
อย่างไรก็ดี ที่มาของโครงการดังกล่าวไม่พบว่ามีการประมูลแข่งขัน เพราะกำหนดราคารับซื้อไว้ ทำให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท นอกจากนั้นโครงการดังกล่าวซ้ำซ้อนกับการรเปิดเสรีไฟฟ้าสะอาด จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ ของรัฐบาลทำให้กลุ่มทุนพลังงานได้กำไร
น.ส.แพทองธาร เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานที่สนิทสนมกับครอบครัวของนายกฯ คือ 1.เดินหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าระยะ2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ ที่ทุจริตนโยบาย 2.เร่งรีบลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การรับซื้อไฟฟ้าระยะที่ 1 รอบ 5,200 เมกะวัตต์ ให้เพื่อนสนิทของนายกฯ และบิดา ซึ่งเป็นความเสียหายที่สุดสำหรับประเทศไทย เพราะทำให้กลุ่มทุนผูกขาดเติบโต แข่งขันหารายได้จากการผูกขาด หาประโยชน์จากคนในชาติ
“พีระพันธุ์” ออกโรงยันนายกฯไม่ได้เอื้อทุนพลังงาน ปมค่าไฟแพง
ส่วนนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า นายกฯ ฐานะประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เก่งแต่พิทักษ์ผลประโยชน์ของทุนพลังงาน ดูได้จากความล่าช้าของร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ เหตุผลที่ล่าช้า เพราะติดเคลียร์ปัญหากับนายทุนผลิตโรงงานไฟฟ้า และยัดโครงการนายทุนในแผน เพื่อให้การันตีว่าโรงงานไฟฟ้าที่ได้รับสัมปททานได้สร้างแน่นอน เพื่อช่วยนายทุนพลังงานทุกกลุ่ม ขณะที่เนื้อหาของร่างพีดีพีฉบับใหม่มีปัญหา แม้ว่าจะมีข้อเรียกร้องให้ทบทวนแต่น.ส.แพทองธาร ฐานะประธานกพช. ไม่สนใจ
โดยนายพีระพันธุ์ ยืนยันว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธาน กพช. สนับสนุนให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องไฟฟ้ามาตั้งแต่ต้น รวมถึงราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ ตนได้ทำหนังสือไปถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แต่กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีอำนาจ เนื่องเวลานั้นยังไม่รู้รายละเอียดว่าคืออะไร แต่เมื่อคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงาน (กกพ.) เดินหน้าประกาศก็ไม่มีทางเลือก
“หลังจากนั้นนายกฯได้เรียกประชุม ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมให้นายกฯ เพราะนายกหนีไม่ได้ประชุม กพช. แต่มีแขกสำคัญมาพบ เลยขอให้ตนเป็นประธาน ไม่เช่นนั้นจะต้องล่าช้าอีก และมอบหมายให้ตนนำดำริของนายกมาตั้งคณะกรรมการสอบสวน มีการประชุมมา 4-5 ครั้ง ยืนยันว่านายกฯไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉย”
ส่วนประเด็นเรื่องประเด็นเรื่องอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (ADDER) หรือสัญญาชั่วนิรันด์ความจริงเกิดมาตั้งแต่ปี 50 ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตนก็แปกใจว่าทำไม กกพ. เพิ่งมาพูด และลด 17 สตางค์จริงหรือไม่ก็ต้องตรวจสอบ เพราะยังไม่เคยรู้ว่ามาจากไหน
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่หนักกว่าคือเรื่องค่าพร้อมจ่าย (AP) เพราะฉะนั้นปัญหาของไทยเรื่องพลังงาน เวลานี้อยู่กับใครกันแน่ ใครเป็นคนคิด หรือคนกำหนด ตนได้หารือเรื่องนี้มาตัั้งแต่นายกเศรษฐา จนถึงนายกแพทองธาร
ส่วนแผนพีดีพี ที่ไม่จบเพราะรัฐบาลไม่เห็นด้วย ขณะที่การลงนามสัญญานั้นนายกฯไม่เคยลงนามอีกทั้งไม่เคยมีการประมูลใดๆ
“ข้อเท็จจริงไม่เป็นแบบนั้น นายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องตามที่ว่า หรือไม่เคยมีการเอื้อญัตติให้นายทุน หากรัฐบาลหรือผมเอื้อประโยชน์ คงไม่โดนสื่อมวลชนแซะทุกวันนี้ หากผมอยู่แล้วได้ประโยชน์จะเป็นแบบนี้หรือไม่ ตอนนี้กำลังหาทางแก้ปัญหาทั้งเอพีและอีพี ปัญหาตัวเลขที่เกิดขึ้นตมตกใจไม่ใช่แค่ 5หมื่นล้าน แต่เป็นล้านล้าน ระยะเวลา 25 ปี ยอมรับปัญหาหนักและต้องการแก้ปัญหา ตนยืนยันสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเพราะการสนับสนุนของนายกฯ ดังนั้นสิ่งที่พาดพิงไม่จริง”