คมนาคมแจงยิบ9ข้อปมกังขายก3สนามบินทย.ให้ทอท.ยันไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล

04 ก.ย. 2565 | 03:13 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2565 | 15:06 น.

กระทรวงคมนาคมแจงยิบ 9 ปมข้อกังขายก 3 สนามบินกระบี่ อุดรธานี บุรีรัมย์ ให้ทอท.ชี้แจงข้อเท็จจริงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ยันมอบความรับผิดชอบท่าอากาศยาน 3 แห่ง ของทย.ให้ทอท. ไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล

กระทรวงคมนาคมชี้แจงข้อเท็จจริงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 
กรณีการมอบความรับผิดชอบท่าอากาศยาน 3 แห่ง ของทย.ให้ทอท.ได้แก่สนามบินอุดรธานี สนามบินกระบี่ สนามบินบุรีรัมย์ โดยระบุว่า
 

1. การมอบความรับผิดชอบท่าอากาศยาน 3 แห่ง ของกรมท่าอากาศยาน ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเรื่องสืบเนื่องจากข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อมาพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ

 

คมนาคมแจงยิบ9ข้อปมกังขายก3สนามบินทย.ให้ทอท.ยันไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล

โดยได้พิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบในทุกมิติ รวมทั้งได้ผ่านการวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ด้วยแล้ว การดำเนินการจึงเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

 

2. การมอบความรับผิดชอบท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)   ในครั้งนี้ เป็นการปรับโครงสร้างโครงข่ายท่าอากาศยาน และการบริหารจัดการห้วงอากาศทั้งระบบ ตามหลักการของแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินพาณิชย์ของประเทศที่คณะกรรมการการบินพลเรือนได้ให้ความเห็นชอบและประกาศใช้แล้ว 

 

 

คมนาคมแจงยิบ9ข้อปมกังขายก3สนามบินทย.ให้ทอท.ยันไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล


โดยท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่งจะต้องมีการยกระดับตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ (Airport Strategy Positioning) ซึ่งจำเป็นต้องใช้ศักยภาพของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีโครงข่ายฐานลูกค้าทั่วโลกจึงจะสามารถดำเนินการได้ และประเด็นสำคัญคือ การมอบความรับผิดชอบครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการฮุบทรัพย์สินของรัฐ หรือ เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนแต่อย่างใด เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเป็นที่ราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐเช่นเดิม

3. กรณีที่มีการตั้งประเด็นว่าเป็นการผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล (พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542) นั้น ต้องเรียนชี้แจงว่า กรณีนี้ เป็นการมอบความรับผิดชอบภารกิจการบริหารท่าอากาศยานจากกรมท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นส่วนราชการ ไปให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่ใช่เป็นการประมูล และไม่มีการเสนอราคาแต่อย่างใด

 

4. กรณีที่มีข้อสงสัยว่าเป็นการนำทรัพย์สินของทางราชการไปยกให้เอกชนแต่เพียงผู้เดียว ขอเรียนย้ำข้อเท็จจริงอีกครั้งว่า ไม่มีการยกทรัพย์สินของทางราชการไปยกให้ใครทั้งสิ้น โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จะต้องจ่ายค่าเช่าให้กรมธนารักษ์ตามอัตราที่กำหนด

 

คมนาคมแจงยิบ9ข้อปมกังขายก3สนามบินทย.ให้ทอท.ยันไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล

 

5. กรณีที่มีการเสนอความเห็นว่า รัฐลงทุนให้กรมท่าอากาศยานไปเยอะแล้ว บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะมาหยิบชิ้นปลามันไปนั้น ข้อเท็จจริงคือ อสังหาริมทรัพย์ และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด เป็นที่ดิน และอาคาร ราชพัสดุ ไม่ใช่ทรัพย์สินของกรมท่าอากาศยาน โดยกรมท่าอากาศยานเป็นผู้ก่อสร้าง และให้บริการ 

 

โดยกรมธนารักษ์ให้กรมท่าอากาศยานใช้ที่และอาคารราชพัสดุ เมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นผู้บริหาร กรมธนารักษ์ก็จะคำนวณค่าเช่าบนพื้นฐานของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด จึงไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์แต่อย่างใด


6. สำหรับข้อห่วงใยว่า เมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาบริหารแล้ว จะมีอัตรา  ค่าโดยสารที่แพงขึ้น และมีการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่แพงขึ้นนั้น กระทรวงคมนาคมเข้าใจถึงความกังวลของพี่น้องประชาชน โดยในส่วนของการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้กำหนดเป็นตัวชี้วัดไว้แล้ว ว่าจะต้องมีค่าบริการที่เหมาะสมเป็นธรรม และจะต้องมีส่วนในการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นด้วย 


ส่วนอัตราค่าโดยสารอากาศยานนั้น เมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาบริหารแล้ว จะมีการใช้โครงข่ายฐานลูกค้าทั่วโลก ทำให้เกิดเส้นทางการบินตรง (Direct flight) ใหม่ๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดสายการบินภายในประเทศให้เกิดการแข่งขันที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น นอกจากอัตราค่าโดยสารจะไม่แพงขึ้นแล้ว 
เมื่อตลาดมีการแข่งขันที่สมบูรณ์มากขึ้น จะมีโอกาสสูงที่อัตราค่าโดยสารจะถูกลงด้วย

 

คมนาคมแจงยิบ9ข้อปมกังขายก3สนามบินทย.ให้ทอท.ยันไม่ผิด พ.ร.บ. ฮั้วประมูล

 

7. กรณีผู้อำนวยการท่าอากาศยานอุดรธานีมีความกังวลว่าบุคลากรของกรมท่าอากาศยานจะถูกลอยแพนั้น ในข้อเท็จจริงได้มีการหารือในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น รวมทั้งได้มอบหมายให้กรมท่าอากาศยานทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนแล้ว โดยคณะกรรมการระดับกระทรวงที่ได้แต่งตั้งขึ้นได้กำหนดแนวทางทั้งในกรณีที่บุคลากรของกรมท่าอากาศยาน สมัครใจและไม่สมัครใจจะจะไปปฏิบัติงานกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

 

8. สำหรับความกังวลว่า เมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้าไปบริหารท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่งแล้ว จะไม่ลงทุนพัฒนาเพิ่มเติมนั้น กระทรวงคมนาคมขอเรียนว่า แผนแม่บทการพัฒนาสนามบินพาณิชย์ของประเทศ ได้กำหนดกรอบของการพัฒนาในลักษณะของขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและอากาศยานเป็นราย 5 ปีไว้ ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้บริหารท่าอากาศยาน จะต้องลงทุนตามกรอบที่กำหนดไว้ 

 

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม ยังกำหนดเป็นตัวชี้วัดไว้ด้วยว่าบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องมีการพัฒนาตามกรอบที่กำหนดไว้ จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะมีการลงทุนที่เหมาะสมในทั้ง 3 ท่าอากาศยาน 

 

โดยมีข้อดีเพิ่มเติมคือ การลงทุนที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด จะเป็นการลงทุนโดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณของภาครัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

9.นอกจากกฎหมายที่บทความอ้างถึงแล้ว กระทรวงคมนาคมขอเรียนว่ากระทรวงคมนาคมยังได้ตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2494 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 และกฎกระทรวงการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2564 เป็นต้น

 

กระทรวงคมนาคมขอยืนยันว่าการมอบความรับผิดชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้าไปบริหารท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง เป็นไปเพื่อยกระดับโครงข่ายท่าอากาศยานของประเทศตามหลักการของแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินพาณิชย์ของประเทศ 

 

รวมทั้งเพื่อลดภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน โดยได้ดำเนินการถูกต้องและครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 2 ได้พิจารณาความครบถ้วนแล้ว