นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าบอร์ดททท.มีมติเห็นชอบเป้าหมายการดำเนินงานของททท.ปี2566 ได้แก่ “เป้าหมายตำแหน่งทางการตลาด” คือ การผลักดันอันดับประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก “เป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ” แบ่งเป็น 3 ซีเนริโอ คือ Worst Case , Base Case และ Best Case ททท.ตั้งเป้าหมายรายได้รวม(ตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ) อยู่ที่ 1.25-2.38 ล้านล้านบาท
โดยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวสำหรับตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 11-30 ล้านคน ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 50,000-54,000 บาทต่อคน สร้างรายได้ 5.8 แสนล้านบาท-1.5 ล้านล้านบาท และประมาณการตลาดในประเทศ อยู่ที่ 117-135 ล้านคน-ครั้ง ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 4,200-4,800 บาทต่อคน สร้างรายได้ 6.7-8.8 แสนล้านบาท
"การวางเป้าหมายบอร์ดททท.ก็ให้เรามองเรื่องการบริหารความเสี่ยง แต่ในแง่ของการทำงานททท.ก็มุ่งเป้าไปที่รายได้ที่อยากจะทำให้ได้ดีที่สุด หรือ Best Case เพื่อให้รายได้ท่องเที่ยวกลับมา 80% ของปี62 คือสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท"
ปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ต.ค.65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 7.56 ล้านคน และในเดือนพ.ย.และธ.ค.นี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปราวเดือนละอีก 1.5 ล้านคน
ดังนั้นในปีนี้ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ในปีหน้ากระทรวงการคลัง มองว่าไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 20 ล้านคน ก็อยู่ในช่วงเดียวกับที่ททท.ประมาณการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ 11-30 ล้านคนซึ่งไทยเป็นอันดับ1 ที่ท่องเที่ยวฟื้นเร็วที่สุดในโลก และต้องพยายามผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจัยในปีหน้าที่มีผลต่อการเติบโตของการท่องเที่ยว ยังเป็นเรื่องของปริมาณที่นั่งบนเครื่องบินของสายการบินที่ทำการบินเข้าไทย ที่ททท.ยังคงต้องร่วมมือกับสายการบินและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)ผลักดันให้มีสายการบินเปิดบินเข้าไทยให้มากขึ้น ให้ขยับเข้าใกล้ก่อนเกิดโควิดให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงสถานการณ์เงินเฟ้อ ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาสูงขึ้น เป็นอุปสรรคสำหรับตลาดระยะไกลอย่างยุโรป
"ปัจจัยเรื่องของตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้แม้จีนจะยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แต่จากที่ผมได้หารือกับสำนักงานของททท.ในจีนทั้ง 5 แห่งก็มีแนวโน้มว่าในปีหน้าจีนจะเปิดประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไป จะเปิดในบางพื้นที่ หรือเปิดให้กับในบางประเทศ มั่นใจว่าเดินทางกลับไปแล้วปลอดภัย ซึ่งก็ต้องรอลุ้นอีกในครั้งราวมี.ค.ปีหน้า หลังการประชุม 2 สภาของจีน แต่ในระหว่างที่ตลาดจีนยังไม่มาททท.ก็ต้องเน้นทำตลาดอื่นๆเป็นหลักไปก่อน เพื่อกระจายการเดินทางเที่ยวไทยตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่ตามฤดูกาลท่องเที่ยวเท่านั้น"
ขณะที่ตลาดในประเทศก็มีปัจจัยเรื่องของการเปิดประเทศในหลายประเทศที่เกิดขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนไทยเริ่มเดินทางเที่ยวต่างประเทศ ไม่เหมือนในปีนี้ที่คนไทยเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ซึ่งในปีหน้าททท.ก็จะเน้นกระตุ้นความถี่ในการเดินทางของกลุ่มกระแสหลัก
โดยคงอัตราการเดินทางท่องเที่ยวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยกระแสหลักไม่น้อยกว่า 80% อัตราการเดินทางท่องเที่ยวเมืองรองไม่น้อยกว่า 80% กระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ พัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าไทยในปี66 สำหรับตลาดต่างประเทศเรามองเป้าไว้ที่กรณีฐานหรือ Base Case คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 18 ล้านคน สร้างรายได้ 971,790 ล้านบาท
ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ 13,022,500 คน คิดเป็นสัดส่วน 72.34% สร้างรายได้ 597,720 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61.5% ส่วน Best Case จะอยู่ที่ 30 ล้านคน สร้าง รายได้ 1.5 ล้านล้านบาท
ณ ขณะนี้กรณี Base Case เป็นตัวเลขที่มีความเป็นไปได้ เมื่อพิจารณาจากที่นั่งบนเครื่องบินที่เข้าไทยที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ต่างจากเที่ยวบินระยะไกลที่ยังกลับมาได้ไม่เต็มที่
โดยตลาดระยะใกล้ที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง มาเลเซีย ที่ส่วนใหญ่กว่า 80-90%เดินทางข้ามแดนมาทางรถยนต์ และรถไฟที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปีหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 3 ล้านคน อินเดีย 1.42 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.11 ล้านคน สิงคโปร์ 1.08 ล้านคน ฮ่องกง 1.05 ล้านคน ออสเตรเลีย 5.22 แสนคน
มองว่าในปีหน้าถ้าจีนทยอยเปิดประเทศ เราก็ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนที่ 9 ล้านคน แต่หากจีนเปิดประเทศเต็มที่ กรณี Best Case ก็เป็นไปได้
“การทำตลาดของททท.เราคงรอตลาดจีนไม่ได้ แต่เราก็ยังจำมากที่ต้องง้อนักท่องเที่ยวจีน เพราะถ้านักท่องเที่ยวจีนไม่มา ท่องเที่ยวก็เหนื่อย เพราะนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยในปี62 ถึง 11.2 ล้านคน สร้างรายได้ราว 5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด ตอนนี้แม้จีนจะยังไม่เปิดประเทศ แต่ก็เห็นสัญญาณดีจากจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และถ้าจีนเปิดประเทศก็มั่นใจว่าไทยจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนจีนอยากเดินทางมาเที่ยว"นายธเนศวร์ กล่าวทิ้งท้าย
นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท.กล่าวว่าแม้จีนจะมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แต่จีนก็แง้มประตูออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไฟเขียวให้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างสายการบินของไทยและจีน เข้าไทยต่อเนื่องโดยตอนนี้เพิ่มเป็น 5 เท่าแล้ว จาก 20 กว่าเที่ยวบินต่อเดือนขึ้นมาเป็น 120 เที่ยวบินต่อเดือน จากการอนุญาติให้นักเรียน นักธุรกิจ การเดินทางรักษาสุขภาพ นักเดินทางกรุ๊ปไมซ์ เดินทางออกนอกจีนได้ ที่ผ่านมาก็มีคนจีนมาไทยแล้ว 2.19 แสนคน
ล่าสุดจีนยังประกาศให้บริษัทเอเย่นต์ต่างชาติในจีน เตรียมขายทัวร์เอ้าท์บาวด์ออกจากเซี้ยงไฮ้ ฉงชิ่ง
รวมถึงเอเย่นต์จีนก็เตรียมแผนขายเมืองไทยแล้ว โดย C-Trip บริษัททราเวลออนไลน์ชื่อดังของจีน ก็จะเริ่มขายโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวของไทยตลอดทั้งปีหน้า (ขายแยกไม่ได้ขายเป็นแพ็คเกจทัวร์) เริ่มขายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งถ้าซื้อไปสามารถเก็บได้ 2 ปี และในวันที่ 11 ม.ค.ปีหน้าซีอีโอของ C-Trip ก็จะร่วมกับททท.ในการจัดไลฟ์สตรีมมิ่งขายประเทศไทยเป็นเวลา 3 ชั่วโมงด้วย ซึ่งวันนี้เอเย่นต์จีนตื่นตัวและเตรียมพร้อมมาก รอเพียงนโยบายจากจีน ที่ต้องลุ้นกันในวันประชุม 2 สภาของจีนในช่วงเดือนมี.ค.นี้