สำนักข่าว SPA รายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และประธาน Public Investment Fund (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย ทรงประกาศเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 66 ในการจัดตั้ง Riyadh Air (ริยาดห์ แอร์) สายการบินแห่งชาติสายใหม่ ซึ่งมี Public Investment Fund (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าของกิจการโดยสมบูรณ์
โดยมีนาย Yasir Al-Rumayyan ผู้ว่าการ PIF เป็นประธาน และนาย Tony Douglas เป็น CEO ซึ่ง Tony Douglas ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าผู้บริหาร เนื่องจากต้องเดินหน้าแข่งขันให้ประเทศกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการเดินทาง
Riyadh Air จะมีจุดหมายปลายทางให้บริการมากกว่า 100 แห่งทั่วโลกภายในปี 2030 และจะเชื่อมต่อการเดินทางของประเทศสู่เอเชีย แอฟริกา และยุโรป รวมถึงคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการเติบโตของ GDP ได้กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ใช่รายได้จากการค้าน้ำมัน ทั้งยังสร้างงานมากกว่า 200,000 ตำแหน่งทั้งทางตรงและทางอ้อม
อย่างไรก็ตาม ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวจากโรคระบาด การประกาศเปิดตัวสายการบินดังกล่าว ทำให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างสายการบินในภูมิภาคอย่าง Emirates, Qatar Airways และ Turkish Airlines
ทั้งนี้ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย หรือ Public Investment Fund (PIF) ซึ่งมีสินทรัพย์มากกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการกระจายเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียและหารายได้อื่นนอกจากการค้าน้ำมัน ถือเป็นเจ้าของทั้งหมดของ Riyadh Air
ด้านแหล่งข่าวให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า ในเดือนตุลาคม ซาอุดิอาระเบียได้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อสั่งซื้อเครื่องบินไอพ่น A350 เกือบ 40 ลำจากแอร์บัส ขณะเดียวกันก็พยายามติดต่อกับโบอิ้งเพื่อขยายภาคการขนส่งของประเทศ