กรมการท่องเที่ยวสั่งปิดบริษัททัวร์รายใหญ่ ทิ้งลูกทัวร์ เสียหาย 14 ล้าน

05 พ.ค. 2566 | 01:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2566 | 08:30 น.

กรมการท่องเที่ยวสั่งปิดบริษัททัวร์รายใหญ่ หลอกลวงทิ้งลูกทัวร์ ส่งผลให้บริษัททัวร์รายย่อย รวมถึงนักท่องเที่ยว เสียหายกว่า 14 ล้านบาท ผิดพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์

กรมการท่องเที่ยวออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวบริษัททัวร์รายใหญ่ไม่ดำเนินการตามรายการนำเที่ยว สร้างความเสียหายให้กับบริษัททัวร์รายย่อยและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยมีมูลค่าความเสียหายนับสิบล้านบาท

กรมการท่องเที่ยวสั่งปิดบริษัททัวร์รายใหญ่ ทิ้งลูกทัวร์ เสียหาย 14 ล้าน

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จากกรณีมีบริษัททัวร์รายใหญ่ไม่ดำเนินการตามรายการนำเที่ยว สร้างความเสียหายให้กับบริษัททัวร์รายย่อยและนักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา 

กรมการท่องเที่ยวสั่งปิดบริษัททัวร์รายใหญ่ ทิ้งลูกทัวร์ เสียหาย 14 ล้าน

กรมการท่องเที่ยว โดยนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการของบริษัทที่ก่อให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งตรวจสอบเอกสารในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนออกคำสั่งให้เข้าพบพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย

จนนำไปสู่การออกคำสั่งพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวของบริษัททัวร์รายดังกล่าว 

โดยบริษัททัวร์ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จะมีผลให้กรรมการผู้จัดการบริษัทไม่สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้อีกเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2559

ในการคุ้มครองนักท่องเที่ยวให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้รับความคุ้มค่าจากรายการนำเที่ยวในราคาที่เป็นธรรม และป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเป็นสำคัญ

กรมการท่องเที่ยวสั่งปิดบริษัททัวร์รายใหญ่ ทิ้งลูกทัวร์ เสียหาย 14 ล้าน

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวย้ำว่า ขอให้บริษัททัวร์ปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อตกลงหรือโฆษณาที่ชี้ชวนไว้กับนักท่องเที่ยว ช่วยกันปกป้องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความปลอดภัย

หากบริษัททัวร์รายใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นสูงสุดต่อไป และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ ขอให้เลือกซื้อทัวร์ที่มีคุณภาพ มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวถูกต้องตามกฎหมาย

ไม่ซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุนหรือราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมนำเที่ยวใกล้เคียงกัน ไม่หลงเชื่อการรับจองโปรแกรมทัวร์ข้ามปีที่ราคาถูกมากเกินไป หรือมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มหลังจองไปแล้ว และต้องจ่ายมัดจำเต็มจำนวน เพราะเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงและไม่สามารถออกทัวร์ได้จริง

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบสถานะใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ได้ง่ายๆ ด้วยตนเองทางเว็บไซต์กรมการท่องเที่ยวคลิ๊ก  ตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัททัวร์รายย่อยได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่ามีบริษัทจัดทัวร์หลอกลวงว่าสามารถไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ในราคาถูก แต่เมื่อถึงเวลาเดินทาง กลับไม่มีตั๋วเครื่องบิน ไม่มีโรงแรมที่พัก ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท 

บริษัททัวร์รายใหญ่รายนี้ เป็นโฮลเซล ซึ่งมีสำนักงานอยู่ย่านคูคต ปทุมธานี หลอกขายทัวร์ทิพ  อ้างว่าสามารถจัดทัวร์ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ในราคาถูก ตัวแทนรายย่อย กว่า  10 กว่าบริษัท และลูกทัวร์กว่า 400 ราย มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

โดยบริษัททัวร์รายย่อยได้ซื้อทัวร์กับผู้ประกอบการรายใหญ่ชื่อดังแห่งหนึ่งทางออนไลน์ แล้วเอาไปจำหน่ายต่อผู้บริโภครายย่อย  ซึ่งบริษัททัวร์รายใหญ่เจ้านี้เคยมีปัญหามาก่อนตอนช่วงโควิด-19 ระบาดปี 64-65 พอมาปี 66 ก็ยังประการอยู่ 

บริษัทฯ นี้จะยกเลิกเที่ยวบินบ้าง ยกเลิกทัวร์ของบริษัทย่อย แล้วไม่คืนเงิน ทำให้บริษัทย่อยเหล่านี้ต้องควักเงินจ่ายคืนลูกทัวร์เอง ซึ่งการกระทำแบบนี้เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และทำให้บริษัทย่อยอื่นและนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ