ทอท.เปิด 5 เฟส พัฒนา "สนามบินสุวรรณภูมิ" มูลค่า 2.4 แสนล้าน

03 ก.ย. 2566 | 07:48 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2566 | 05:07 น.

ทอท.เปิดโรดแมป 5 เฟส ขยาย "สนามบินสุวรรณภูมิ" มูลค่าการลงทุนกว่า 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขีดการรองรับของสนามบินจากเดิม (Ultimate Phase) เดิมที่อยู่ที่ 120 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี

การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวโลก ส่งผลให้ธุรกิจการบินกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง วันนี้นอกจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ “AOT” จะเร่งแก้ปัญหาคอขวดในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว “สนามบินสุวรรณภูมิ” ยังเตรียมจะเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) รวมถึงแผนขยายการลงทุนที่จะเกิดขึ้นรวมกว่า 5 เฟสมูลค่าการลงทุนไม่ตํ่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท

ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเทียบกับสนามบินคู่แข่งอย่าง “สนามบินชางงี” ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2565 ที่ผ่านมา แม้ธุรกิจการบินจะกลับมายังไม่เต็มที่ แต่ “สนามบินสุวรรณภูมิ” มีผู้โดยสารใช้บริการถึง 62.70 ล้านคน ด้วยจำนวนเที่ยวบิน 471,505 เที่ยวบิน ขณะที่สนามบินรองรับได้ 65 ล้านคนต่อปี (กรณีที่บริหารจัดการได้ ขณะที่สนามบินจริงๆรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี) ส่วนสนามบินชางงี มีผู้โดยสารใช้บริการ 32.20 ล้านคน ด้วยจำนวนเที่ยวบิน 219,000 เที่ยวบินขณะที่สนามบินรับได้มากถึง 85 ล้านคนต่อปี

ดังนั้นนับจากปี 2566 นี้เป็นต้นไป ด้วยดีมานต์การท่องเที่ยวของไทยที่ขยายตัว ทำให้ขีดความสามารถในรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิก็จะเกินศักยภาพการรองรับ ซึ่งจะเปิดปัญหาความแออัดของสนามบินอย่างภาพก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562 ที่จะเกิดขึ้น

เป้าหมายการขับเคลื่อนสนามบินสุวรรณภูมิ ให้กลับมาเป็นสนามบินที่ดีที่สุดของโลก สำหรับนักเดินทางอีกครั้ง จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 68 กลับมาเป็น 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดของโลกภายใน 2 ปีข้างหน้า และกลับมาติด 1 ใน 30 สนามบินที่ดีที่สุดของโลก ภายใน 4 ปีข้างหน้า และการเพิ่มช่องทางการเดินทางเข้าไทย การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับดีมานต์นักท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน

สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ปรับใหม่ล่าสุด จะมีทั้งหมด 5 เฟส รวมมูลค่าการลงทุนไม่ตํ่ากว่า 2.4 แสนล้าน โดย “สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2” (ปีงบ 2554-2560) มูลค่าการลงทุน 4.92 หมื่นล้านบาทที่ดำเนินการก่อสร้างมานาน ล่าสุดโครง การ “อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1” (SAT-1) ก็เตรียมจะเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 28 ก.ย.นี้

สนามบินสุวรรณภูมิ

โดยจะเป็นการทดลองให้บริการบางเที่ยวบินก่อน โดยเฉพาะเที่ยวบินที่จอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ นานเกิน 5 ชั่วโมง เพื่อทดสอบความพร้อม ก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบ (Full opening) ช่วงต้นปี 67 ซึ่งอาคารหลังนี้ มีพื้นที่ 216,000 ตารางเมตร จะรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี และมีประตูทางออกเชื่อมต่อกับหลุมจอดประชิดอาคาร (Contact Gate) 28 หลุมจอดอากาศยาน ส่งผลให้สนามบินสุวรรณภูมิ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี

นอกจากนี้ในเฟส 2 ทอท.ก็จะมีแผนเตรียมจะลงทุน “ส่วนต่อขยาย อาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก” (East Expansion) มูลค่าการลงทุนราว 9 พันล้านบาท รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 15 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ที่ปรึกษาจะใช้เวลาในการปรับแบบ 6 เดือน น่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในต้นปี 67 ใช้เวลาก่อสร้างราว 3 ปี ทำให้มีพื้นที่เพิ่มอีก 6 หมื่นตร.ม.

ทอท.เปิด 5 เฟส พัฒนา \"สนามบินสุวรรณภูมิ\" มูลค่า 2.4 แสนล้าน

อีกทั้งขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างพัฒนา “สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 3” มูลค่าการลงทุน 6.5 หมื่นล้านบาท โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างรันเวย์ 3 ความยาว 4 พันเมตร ซึ่งมีความคืบหน้าในการก่อสร้างอยู่ที่ 73% และเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 วันที่ 1 ก.ค. 67 ขณะเดียวกันก็จะมีโครงการ “ปรับปรุงคุณภาพดินบริเวณอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2” ( SAT- 2) และการลงทุน “ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ” (North Expansion)

ขณะเดียวกันก็ยังมีโครงการ “EXTRA เฟส” (หยิบมาดำเนินการได้ทันที) คือการลงทุน “ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก” (West Expansion) มูลค่าการลงทุนราว 9 พันล้านบาท รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคน

จากนั้นจะเป็น “สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 4” โดยจะเป็นการก่อสร้าง “อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2” (SAT-2) และ “สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 5” มูลค่าการลงทุนราว 1.2 แสนล้านบาท จะเป็นการลงทุน “ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้” (South Expansion) และ “รันเวย์ 4”

แผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งนี้โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น จะทำให้เพิ่มขีดการรองรับของสนามบินจากเดิม (Ultimate Phase) เดิมที่อยู่ที่ 120 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี โครงการในเฟสต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยในช่วง 4 ปีจากนี้ก็น่าจะเห็นการผลักดันในเฟส 2, เฟส 3 และ EXTRA เฟส ที่น่าจะมีรูปธรรมในการเดินหน้าลงทุนที่จะเกิดขึ้น