จากกรณีที่มีผู้โดยสารแอบนำสัตว์ป่าขึ้นเครื่องบิน ของสายการบินไทยเวียตเจ็ท ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลา 15.32 น. ปลายทางท่าอากาศยานไต้หวันเถาหยวนนั้น
ล่าสุดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ตามได้รับรายงานจากนายภัคพงศ์ ผาทอง หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถึงเรื่องที่มีการลักลอบส่งออกสัตว์ป่ามีชีวิตในเที่ยวบินของสายการบิน Vietijet ที่เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังกรุงไทเป ไต้หวัน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยเจ้าหน้าที่สายการบินร่วมกันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีการลักลอบขนส่งสัตว์ป่า ประกอบด้วย
สัตว์ทั้งหมดซุกช่อนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง โดยไม่มีผู้โดยสารคนใดแสดงตนเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว
ล่าสุด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับสายการบิน Vietjet Air เพื่อขอทราบรายละเอียดข้อมูลเที่ยวบินผู้โดยสารที่ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน รวมถึงให้ประสานงานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่ต้องสงสัยในการลักลอบสัตว์ป่าออกไป
เนื่องจากหากสัตว์ที่ถูกลับลอบนำขึ้นเครื่องบินถูกล่าจากธรรมชาติ จะส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของประชากรสัตว์ป่าในธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT เผยว่าสนามบินสุวรรณภูมิได้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานตรวจค้น บริษัท รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บรท.) ซึ่งเป็นบริษัทจัดจ้างของ ทสภ. ตามสัญญางานจ้างบริการรักษาความปลอดภัย ผ่านระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ย้อนหลัง
โดยพบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่องดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริเวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น. โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัย
จึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นวัตถุอันตรายหรือวัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวมิได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋าและอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป
สนามบินสุวรรณภูมิ ขอเน้นย้ำว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋าไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้
โดยสนามบินสุวรรณภูมิมีคำสั่งให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวนพบว่าเป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้สนามบินสุวรรณภูมิขอย้ำเตือนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกท่าน ไม่กระทำผิดกฎหมายโดยการลักลอบ
นำสัตว์ หรือ ซากสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นเครื่องเข้า-ออกนอกประเทศ หากประสงค์จะนำสัตว์เลี้ยงเดินทาง
ขอให้ทำการขออนุญาตให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ ที่ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก