การปักธงโรงแรมของกลุ่มทุนไทย กว่า 17 โรงแรมในมัลดีฟส์ ที่มีทั้งเป็นเจ้าของร่วมลงทุน และรับบริหาร กลุ่มใหญ่สุด คือ “ไมเนอร์ โฮเทลส์”
“พอล คูนาฮาน” ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดอวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท และ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ กล่าวว่าภาพรวมหลังโควิด-19 “มัลดีฟส์” ถือเป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกๆ ของโลกที่กลับมาเปิดประเทศและต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเปิดประเทศตั้งแต่เดือนก.ค. 2563
หลังจากปิดประเทศไปเพียง 4 เดือนเท่านั้น ทำให้โรงแรมหลายแห่งมียอดการจองเต็ม ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์มีสถิติสูงสุด ส่วนในปี 2566 เมื่อจุดหมายปลายทางอื่นๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง จึงแบ่งส่วนตลาดการท่องเที่ยวบางส่วน แต่ในภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ต่อจากนี้มีแนวโน้มที่จะดีมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้มัลดีฟส์มีเที่ยวบินมากกว่าเดิม เช่นสายการบินเอมิเรตส์ 4 เที่ยวบินต่อวัน สายการบิน กาตาร์ แอร์เวย์ส 2 เที่ยวบินต่อวัน ซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ส 10 เที่ยวต่อสัปดาห์ บริติชแอร์เวย์มีเที่ยวบินทุกวัน
ขณะที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เริ่มกลับมาให้บริการบินตรงจากสุวรรณภูมิสู่ มัลดีฟส์ โดยปี 2566 โรงแรมส่วน ใหญ่ในมัลดีฟส์ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60-62% ในขณะที่โรงแรมของไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่มัลดีฟส์มีอัตรา การเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 67% เพิ่มขึ้น 22% สูงกว่าปี 2562
ปัจจุบันมัลดีฟส์มีที่พักที่เปิดดำเนินงานอยู่ที่ 1,269 แห่ง รวมห้องพักจำนวน 62,896 เตียง แบ่งเป็น รีสอร์ต 174 แห่ง 42,699 เตียง, โรงแรม 14 แห่ง 1,940 เตียง, เกสต์เฮาส์ 919 แห่ง 15,076 เตียง และเรือซาฟารี (Safari Vessel) จำนวน 162 แห่ง 3,181 เตียง
นอกจากนี้มัลดีฟส์ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนจากบริษัทในธุรกิจการท่องเที่ยวจากประเทศไทยด้วย เนื่อง จากได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่สูง ประกอบกับไทยมีจุดเด่นด้านฮอสพิทาลิตี้ และหลังโควิด-19 การท่องเที่ยวมัลดีฟส์ฟื้นตัวเร็วมาก และยังปรับราคาห้องพักได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดไปแล้ว
“ไมเนอร์ โฮเทลส์” ถือเป็นเครือโรงแรมระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดในมัลดีฟส์ มีพนักงานราว 2,800 คน และราว 300 คนในธุรกิจด้านอาหาร มีโรงแรมและรีสอร์ทถึง 7 แห่ง รวม 707 ห้อง โดยเป็นเจ้าและร่วมลงทุน 4 แห่ง คือ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์, นิยามา ไพรเวท ไอส์แลนด์ส มัลดีฟส์, เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ ฮาวอดด้า รีสอร์ท , อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท และรับบริหาร 3 แห่ง คือ อนันตรา ดิห์กู มัลดีฟส์ รีสอร์ท, อนันตรา เวลิ มัลดีฟส์ รีสอร์ท และนาลาดู ไพรเวท ไอส์แลนด์ มัลดีฟส์
โดยอวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท เป็นโรงแรมใหม่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุดของไมเนอร์ โฮเทล และยังถือเป็นโรงแรมแห่งใหม่ล่าสุดใน เขตบา อะทอลล์ (Baa Atoll) ในรอบ 5 ปี ซึ่งแฟรเรสเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ภาย ในพื้นที่เขตสงวนชีวมณฑลยูเนสโก (UNESCO Biosphere Reserve) และยังเป็นแห่งที่ 2 ของไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่เปิดให้บริการในเขตบา อะทอลล์ หลังจากที่เปิด อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว การก่อสร้างโรงแรม อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ จึงคำนึงและให้ความสำคัญในเรื่องของการปกป้องและรักษาธรรมชาติเดิม ให้มากที่สุด
ทั้งนี้นอกจากจุดเด่นของพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตสงวนชีวมณฑลยูเนสโก ของบา อะทอลล์ แล้วโรงแรมมีห้องพักจำนวน 176 ห้อง พร้อมวิลล่าทั้ง 1-4 ห้องนอน และวิลล่าที่ตั้งอยู่เหนือนํ้าทั้งแบบ 1-3 ห้องนอน ในราคาสมเหตุ สมผล และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
อาทิ ห้องอาหาร 7 ห้อง และ Petit Bistro ห้องอาหารสำหรับเด็กแห่งแรกและแห่งเดียวบนเกาะมัลดีฟส์ อวานี คิดส์ ทีน คลับส์ ศูนย์กีฬาทางนํ้า ที่นักท่องเที่ยวสามารถ ดำนํ้าดูฉลามวาฬและปลากระเบนราหู รวมถึงเกาะวงแหวนอันสวยงามอีก 5 เกาะ ทั้งยังมีจุดดำนํ้ามากถึง 12 จุด และแนวปะการังความยาว 220 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของโลกใต้ทะเล
ประกอบกับด้วยการเป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท สามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์การเป็นโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและด้านความยั่งยืน เช่นเรื่องของ Zero waste หรือการลดการเกิดขยะตั้งแต่ต้นทางทำให้ปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัดให้ลดเหลือน้อยที่สุด โดย อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท ยังได้รับการรับรองระดับแพลตตินัมโดย Minor’s Green Growth 2050
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมแบ่งออกเป็น 45% จากยุโรป 15% ตะวัน ออกกลาง 20% อเมริกาและอเมริกาใต้ 20% เอเชีย (ซึ่งรวมถึง 5% จากประเทศไทย) แต่ก็มีแนวโน้มตลาดจากภูมิภาคเอเชีย เช่น ไทย เวียดนาม จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยว FIT และกลุ่มลูกค้าที่มางานแต่งงานและคู่ฮันนีมูน เนื่องจากมัลดีฟส์ยังคงถือเป็นจุดหมายปลายทางในฝันระดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต้องการเดินทางมาเยือนสักครั้งในชีวิต
นอกจากนี้ในช่วงโควิดทางไมเนอร์ฯก็ยังใช้โอกาสในการปรับปรุง วิลล่าที่ตั้งอยู่เหนือนํ้าทะเล ที่อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท และยังมีการปรับปรุงอนันตรา เวลิ มัลดีฟส์ รีสอร์ท ซึ่งเสร็จไปเมื่อปี 2565
ขณะเดียวกันเนื่องจากการเป็นกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่ทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจของโลกได้เป็นอย่างดี โรงแรมต่างๆ ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในมัลดีฟส์ มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 30% และตั้งเป้าที่จะเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้ถึง 50% อีกด้วยนั่นเอง