นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) บริษัทในเครือบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยถึงแผนการลงทุนของบริษัทว่า ในขณะนี้ LH มอลล์ อยู่ระหว่างเดินหน้าลงทุนสร้าง 4 โรงแรมใหม่ ในโลเคชั่นที่ดีที่สุดในใจกลางกรุงเทพฯ และพัทยาเหนือ ที่จะเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี ซึ่งเป็นก้าวใหม่ในการขยายธุรกิจของกลุ่ม ด้วยมูลค่าการลงทุนราว 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท
การลงทุน สร้าง 4 โรงแรมใหม่ของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ได้แก่
การลงทุนสร้างใหม่เพิ่มอีก 4 แห่ง ส่งผลให้กลุ่ม LH Mall and Hotel จะมีโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอ เพิ่มเป็น 11 แห่ง รวมจำนวนห้องพักกว่า 5,000 ห้อง จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 7 แห่ง รวมโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุด
อีกทั้งการขยายการลงทุนโรงแรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นยังส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ของ LH มอลล์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 3 หมื่นล้านบาท
คาดรายได้ปีนี้ทะลุ 7,500 ล้าน
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ LH มอลล์ ในปีนี้ ตลอดทั้งปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 4,800 ล้านบาท ทีเหลือจะเป็นรายได้จากศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 ซึ่งการดำเนินธุรกิจโรงแรมในปีนี้ถือว่าดีกว่าก่อนเกิดโควิด-19 มาก
โดยกลุ่มแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ มีผลประกอบการรวมตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีรายได้รวมประมาณ 3,955 ล้านบาท และประมาณการว่าปี 2566 จะสามารถทำรายได้รวมทั้งปีประมาณ 4,800 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมของเครือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มาจากภาพรวมของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ทั้ง 4 สาขา ในกรุงเทพมหานคร มีการเติบโตของรายได้รวมสูงถึงประมาณ 85% และสาขาที่พัทยา 2 แห่ง เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเติบโตโดยรวมของกลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล มีตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจของรายได้รวมสูงขึ้นถึง 110% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการที่เราคาดหวังไว้
ถือว่าธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง ตั้งแต่เปิดประเทศในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน และรายได้กลับมาสูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรายได้เฉลี่ยห้องพักต่อห้องเพิ่มขึ้นกว่า 20% และอัตราการเข้าพักที่ประมาณ 90% ในทุกสาขา
คาดรายได้ธุรกิจโรงแรมปีหน้าโต 15%
ส่วนในปีหน้าคาดว่าในส่วนของธุรกิจโรงแรมจะเติบโต 15% โดยจะมีรายได้รวมอยู่ที่ราว 5,520 ล้านบาท
ด้านนายกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด กล่าวว่าในปีนี้ธุรกิจโรงแรมถือว่ามีผลตอบรับที่ดีมาก โดยมีผลการดำเนินงานที่ดี ทุกสาขาได้รับการตอบรับทั้งจากชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างดี โดยผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% ทุกสาขา และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 แล้วกว่า 20%
ปักหมุดขยายโรงแรมหลายแห่งในพัทยา
โดยเฉพาะโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา Themed Hotel แห่งแรกในไทย ซึ่งเป็นพอร์ตโฟลิโอ ที่เปิดดำเนินงานและทำรายได้โดยรวมในช่วงระยะเวลา 10 เดือนแรกของปี รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณการว่าสิ้นปี 2566 โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จะมีรายได้รวมทั้งปีทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท
แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เป็นแบรนด์ Limited Collection ของกลุ่ม นับเป็นการขยายรูปแบบการให้บริการที่พักให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร โดยได้เปิดดำเนินการและประสบความสำเร็จอย่างมากมายในปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้ตลอด 1 ปี Yield of Investment สูงถึง 20%
ขณะที่ค่าห้องพักเฉลี่ยสำหรับโรงแรมในพัทยาก็มีสูงมาก โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา มีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 7,000 บาทต่อคืน โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา อยู่ที่ 5,000 บาทต่อคืน ส่วนโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์ พอยต์ ที่กรุงเทพฯจะอยู่ที่ราว 4,500-6,000 บาทต่อคืน
ดังนั้นเราจึงมองที่จะขยายการลงทุนโรงแรมแห่งที่ 3 และแห่ง 4 ในพัทยาเพิ่มเติม
ชูศักยภาพขนาดกองทรัสต์โรงแรมใหญ่สุดในไทย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสัญญาขายสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) ซึ่ง LH มอลล์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี และ 29 ปี ตามลำดับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยสัญญาดังกล่าว ได้มีผลบังคับใช้ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 จากการเพิ่มทุนเพิ่มเติมและการกู้ยืมเงินของกองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่ารวมประมาณ รวม 9,400 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของ LHHOTEL ได้เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องจากขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้นรองรับผู้ที่สนใจเข้าลงทุนใน LHHOTEL
โดยทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เป็นกองทรัสต์โรงแรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินและมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมที่พัทยาอีก 2 แห่ง ส่งผลให้มีทรัพย์สินในพอร์ตโฟลิโอรวม 5 แห่ง
ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 2,287 ห้อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โรงแรมทั้ง 5 แห่ง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงประมาณ 90% และปัจจุบันยังคงมีลูกค้าคนไทยและต่างชาติจองห้องพักล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง ภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า 20,000 ล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์ยังมี Pipeline ในการพัฒนาทรัพย์สินใหม่ ๆ ที่เป็นโอกาสให้กับ LHHOTEL ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต โดยขึ้นกับความพร้อมของทรัพย์สินและสภาวะตลาดการลงทุนต่อไป