จีนจัดว่าเป็นตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยกว่า 11 ล้านคน เท่ากับนักท่องเที่ยวจากอาเซียนรวมกัน หรือคิดเป็น 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย การยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่า หรือ “วีซ่าฟรี” สำหรับนักท่องเที่ยวจีน หรือ “วีซ่าฟรีจีน” จึงเป็นหมัดเด็ดของรัฐบาลเศรษฐา ที่คาดหวังจะกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน แต่ในกลับไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
ล่าสุดไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 23.85 ล้านคนแล้ว (1ม.ค.-19 พ.ย.66) แต่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เคยครองอันดับ 1 กลายมาเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวแล้ว 2,975,155 คน ทำให้มีแนวโน้มว่าตลอดทั้งปีนี้จะไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีนราว 3.5 ล้านคน จากที่ในเดือนมิถุนายน ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 4-4.4 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายแรกที่เคยตั้งไว้ว่าจะมีสูงถึง 5 ล้านคน
การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย มีสาเหตุหลักมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
จากพิษโควิด-19 ซึ่งปิดประเทศไปนานร่วม 3 ปี GDP จีนลดลงอย่างมาก จากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ อสังหาจีนรายใหญ่ทยอยล้มลงไป ไม่ว่าจะเป็นการล้มละลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ การผิดนัดชำระหนี้ของ คันทรี่ การ์เดน ทำให้คนจีนในภาคก่อสร้างตกงานแล้วกว่า 62 ล้านตำแหน่ง และลุกลามสู่ภาคการเงิน ที่พนักงานในภาคนี้ถูกลดค่าตอบแทนแล้วมากถึง 40%
การจ้างงานใหม่ลดลง ทำให้คนจีนต้องรัดเข็มขัดและลดการเดินทางออกนอกประเทศ ทุกวันนี้คนจีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศลดลง จากเดิมเคยอยู่ที่ประมาณ 100-150 ล้านคนต่อปี แต่ทุกวันนี้เดินทางไม่ถึง 100 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหลังจากจีนเปิดประเทศ คนจีนเดินทางเที่ยวในประเทศมากขึ้น และการทำพาสปอร์ตใหม่ หรือต่ออายุพาสปอร์ต สำหรับคนจีนที่พาสปอร์ตหมดอายุ ก็จะยากมากขึ้นกว่า การเดินทางออกนอกประเทศจึงเป็นคนที่มีกำลังซื้อ มีพาสปอร์ตอยู่แล้วในมือเป็นส่วนใหญ่ เทรนด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน จึงเป็นกลุ่มเอฟไอที หรือเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็กๆ การเดินทางมาโดยกรุ๊ปทัวร์ใหญ่อย่างในอดีตแทบจะไม่มี
จากกรณีเกิดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคนจีน มีทั้งการหลอกลวง เรียกค่าไถ่ ฆาตกรรม จากคนจีนด้วยกันเองในไทย โดยเฉพาะหลังจากภาพยนตร์ No More Bets ที่กำลังเข้าฉายในจีนและได้รับความนิยมอย่างมาก โกยรายได้ไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ได้นำเสนอเรื่องที่นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชาวจีน ถูกลักพาตัวขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศอาเซียน (ในฉากคล้ายประเทศไทย) และถูกส่งไปเพื่อนบ้านไปประเทศที่ 3 (ฉากคล้าย พม่า กัมพูชา ) ถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในแก๊งต้มตุ๋มหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งภาพยนตร์อ้างอิงสร้างจากเรื่องจริง ทำให้เกิดการวิตก หวาดกลัวในการเดินทางมาไทย และอาเซียน และเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน
รวมไปถึงโซเชียลทุกแพลตฟอร์มในจีน มีก็คอนเทนต์ และทำคลิปอย่ามาไทย ไม่ปลอดภัย จำนวนมาก บวกกับกระแสภาพยนตร์ดังกล่าว รวมถึงเฟกนิวส์ต่างเช่น เช่น นักท่องเที่ยวจีนถูกขโมยไตไปขาย หรือลูกลักพาตัวไปโดยแก็งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้คลิปมีผู้เข้าชมสูงมาก ต่างแสดงความเห็นเชิงลบ หวาดกลัวที่จะมาไทย รวมถึงคอนเทนต์ข่าวการจับกุมทุนจีนสีเทา จีนหลอกจีนในไทยมาเป็นกระแสทำคอนเทนต์
จำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีนที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเท่าเดิม ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาสูงขึ้นมาก และในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ (ต.ค.66-สิ้นมี.ค.67) มีเที่ยวบินในเส้นทางบินจีน-ไทยอยู่ที่ 3.5 ล้านที่นั่งเท่านั้น คนจีนที่มีศักยภาพในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ จึงเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า
เนื่องจากปลอดภัย ใกล้ และญี่ปุ่นมีมาตรการสนับสนุนงบเพื่อดึงสายการบินกลับไปเปิดให้บริการ ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยททท.ไม่มีงบประมาณที่จะเข้าไปสนับสนุนให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องของงบประมาณประจำปี 2567 ที่ยังไม่สามารถใช้ได้
ล่าสุดจากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT พบว่าจากจำนวนผู้โดยสารที่น้อยลง ส่งผลให้ 10 สายการบินจีน ยกเลิกสล็อตเที่ยวบินมาไทย ธ.ค.-ม.ค. หายไปกว่า 39% จากเดิมแจ้งทำการบินมาไทย จำนวน 21,923 เที่ยวบิน พบว่ามีสายการบินยืนยันทำการบินเพียง 13,278 เที่ยวบิน หายไป 8,648 เที่ยวบิน หรือ 35%
อีกทั้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน หรือ CAAC ก็มีการแจ้งภายในว่ารัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนหลังโควิดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช้ให้จีนอยากออกมาก็ออกมาได้เต็มที่ จากสถานการณ์เศรษฐกิจ และความไม่พร้อมของสายการบินด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่เกิดขึ้น ทำให้คนชั้นกลางถึงล่างของจีนที่กระจายตัวอยู่ในเมืองต่างๆของจีน และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาเที่ยวไทยในลักษณะกรุ๊ปทัวร์จีน ประกอบกับค่าตั๋วเครื่องบินและแพ็คเกจทัวร์ที่แพงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้ไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้เหมือนในอดีต มาตรการวีซ่าฟรี จึงไม่สามารถหวังผลได้มากนักสำหรับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าปัจจุบันกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนอยู่ในระดับประมาณ 10,000 คนต่อวัน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15,000 คนต่อวันได้ในช่วงปลายปีนี้ และก็มีความเป็นได้ว่า ททท.อาจนำเสนอให้รัฐบาลต่อมาตรการวีซ่าฟรีออกไปจนถึงสิ้นปี 2567 ขณะเดียวททท.จะผลักดันตลาดให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน สร้างการรับรู้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางมายังไทย
โดยการส่งเสริมตลาดร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ มุ่งเน้นการทำตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงใช้ Soft Power ไทยมาเป็นจุดขายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เน้นการเพิ่มการใช้จ่ายเฉลี่ย รวมถึงวันพักเฉลี่ยให้มากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นความสามารถของไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ผ่านการกระตุ้นตลาดของสำนักงานของททท. 5 แห่งในตลาดจีน ได้แก่ ปักกิ่ง,เซี่ยงไฮ้,กว่างโจว,เฉินตู และคุนหมิง
ทั้งนี้รัฐบาลจีนมีนโยบายเพื่อสอดรับการเติบโตด้านจำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวจีน ทั้งการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ การเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งการพัฒนาระบบคมนาคมอื่น ๆ ส่งผลให้เป็นโอกาสทางการท่องเที่ยวของไทยในการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่การเดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทางในรูปแบบรถยนต์คาราวานและการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย
ดังนั้น ททท. จะสามารถใช้โอกาสในการพัฒนาระบบคมนาคมนี้เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาไทยได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และสามารถสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ๆในไทยได้ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรม นักท่องเที่ยวยุคนี้ที่ต้องการมุ่งประสบการณ์เป็นสำคัญ
อีกทั้งล่าสุดททท.ได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน China International Travel Mart หรือ CITM2023 ณ นครคุนหมิง ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายที่ใหญ่ที่สุดของจีน เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ๆในไทยโดยภายในงาน CITM 2023 ททท.ยังได้ตกแต่งคูหาประเทศไทย โดยเน้นการประชาสัมพันธ์และสร้างรับรู้ประเทศไทยในรูปแบบศิลปวัฒนธรรมของภาคอีสาน สอดรับกับการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของรถไฟความเร็วสูงจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน พร้อมใช้โอกาสนี้ผลักดันแคมเปญ 旅泰东北,越玩越开心 (โหยวไท่ ตงเป่ย เยว่หวาน เยว่ไคซิน) เที่ยวอีสานของไทย ยิ่งไป ยิ่งสนุก
โดยจะเป็น new approach ใหม่ของไทย ซึ่งมีหลักการ ดังนี้ 1. New mode of arrival : เส้นทาง R3A/คาราวานรถยนต์/รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว 2. New Products: วัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ เส้นทางเลียบแม่น้ำโขง เส้นทางสายมู 3. New segment @new partners: กลุ่มวัยรุ่น/ผู้สูงอายุที่ชอบผจญภัย ชอบหาแหล่งเที่ยวใหม่ๆ มีเวลามาก และนักธุรกิจ เพื่อตอกย้ำถึงศักยภาพความพร้อมของไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ คือภาคอีสานของไทยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย