ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

12 ธ.ค. 2566 | 08:07 น.
อัพเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2566 | 15:23 น.

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8.2 ล้านคน สร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด รุกโหมตลาด จับมือแอตต้านำทีมโรดโชว์จีน สร้างความเชื่อมั่น ชวนเที่ยวตรุษจีน-สงกรานต์ปีหน้า

นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2567 อยู่ที่ 8.2 ล้านคน สร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนจะครองแชมป์เดินทางเที่ยวไทยสูงสุด จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้า ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปีก่อนเกิดโควิด-19 โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวไทย 11 ล้านคน สร้างรายได้ 5.3 แสนล้านบาท

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ในปี2566 นี้คาดว่าจีนจะเดินทางมาเที่ยวไทยอยู่ที่ราว 3.5 ล้านคน สร้างรายได้ 196,000 ล้านบาท  โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน/ทริป อยู่ที่ 56,000-58,000 บาท  น้อยว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่ททท.ตั้งไว้ที่ 5 ล้านคนในช่วงแรก และปรับลดลงเหลือ 4.04-4.4 ล้านคน สร้างรายได้ 226,240-246,4000 ล้านบาท

เนื่องจากในตอนนี้เศรษฐกิจจีนกำลังมีปัญหา และรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เห็นได้จากค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีนเดือน ธ.ค. เฉลี่ย 590 หยวน ลดลง 19% จากเดือน พ.ย. ที่มีราคา 728 หยวน ส่วนราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศในเดือน ธ.ค. ราคาเท่ากับเดือน พ.ย. ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1,980 หยวน ทำให้คนจีนออกท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนที่นั่งของเที่ยวบินขาออกของจีนยังต่ำกว่าเป้าของปี 2562 อยู่ประมาณ 50%

พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน

แต่ในปีหน้าททท.ก็เชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง จากนโยบายการยกเว้นวีซ่าเข้าไทย (วีซ่าฟรี) การสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยในการเดินทางมาเที่ยวไทยที่เริ่มเห็นผล รวมถึงเรายังมองโอกาสถึงการขยายเวลายกเว้นวีซ่า(วีซ่าฟรี)ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ที่จะหมดลงในวันที่ 29 ก.พ.2567 ออกไปอีก เพราะมาตรการนี้ได้ผล

โดยจากข้อมูลของเอลี เพย์ พบว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนมียอดใช้จ่ายในไทยไม่รวมค่าที่พักและตั๋วเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 100% จาก 10,000 บาทต่อทริป เป็น 20,000 บาทต่อทริป อีกทั้งยังพบว่าล่าสุดประเทศมาเลเซีย ออกมาตรการยกเว้นวีซ่าให้ชาวจีนถึงสิ้นปี 2567 ถ้ามาตรการนี้ไม่ดี คู่แข่งคงไม่ทำตาม 

ขณะที่จำนวนที่นั่งของเที่ยวบินช่วงตุลาคม 2566-มีนาคม 2567  (ตารางบินฤดูหนาว) ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซัน ประมาณ 16,330 เที่ยวบิน 3,542,993 ที่นั่ง ซึ่งช่วงเวลาเดินทางหลักๆ ของนักท่องเที่ยวจีน ช่วงตรุษจีน (ปลายมกราคม หรือ ต้นกุมภาพันธ์)/ช่วงวันแรงงาน (May Day) และ Dragon Boat Festival /ช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อน (กรกฎาคม-สิงหาคม)/ช่วงวันชาติจีน (ต้นเดือนตุลาคม)/ช่วงเดือน พฤษภาคม, กันยายน, พฤศจิกายน (กลุ่ม Incentive)

สำหรับกิจกรรมการดำเนินงานของตลาดจีน ททท.จะเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวก โดยเตรียมดำเนินการจัดกิจกรรม Media and Agent Fam Trip เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในและกระตุ้นการขาย

การจัดทำ User Generated Content ในลักษณะ Testimonial ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น  การจัดกิจกรรมร่วมกับ Social Media Douyin โดยเชิญ KOL/KOC ที่มีชื่อเสียงบน Platform ร่วมเดินทางมายังประเทศไทยและนำเสนอ Content เชิงบวกเกี่ยวกับประเทศไทย เป็นต้น

ผู้ว่าการททท.ยังกล่าวต่อว่า ททท.ให้ความสำคัญกับการทำงานบุกทุกตลาด เมื่อดูเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังได้รับความสนใจ สำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู และคุนหมิง ได้กำหนดทิศทางกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ด้วยกลยุทธ์ “4 News” ได้แก่

1.New Segment นักท่องเที่ยวเซ็กเมนต์ใหม่

2.New Area นักท่องเที่ยวจากพื้นที่ใหม่

3.New Alliance (Airline) นักท่องเที่ยวจากพันธมิตรและสายการบินใหม่

4.New Mode ทำตลาดด้วยวิธีการใหม่

ภายใต้แนวทางหลัก “2Q” ประกอบด้วย

1.ควิกวิน (Quick Win) ฟื้นคืนฐานตลาดกลุ่มกระแสหลัก เพื่อกระตุ้นกลุ่มเดินทางซ้ำ (Revisit) ขยายฐานกลุ่มเดินทางครั้งแรก (First Visit) พร้อมส่งเสริมการเดินทางช่วงโลว์ซีซัน

2.คุณภาพ (Quality) มุ่งเพิ่มจำนวนและกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มความสนใจพิเศษ ทั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา กลุ่มลักชัวรี และกลุ่มวัฒนธรรมย่อย (Sub-culture) ที่มีหลากหลายความสนใจ และจะเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวที่ทรงอิทธิพลต่อภาคการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ททท.ยังได้ร่วมมือกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือ แอตต้าพร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร จัดกิจกรรม “TAT & ATTA Road show to China 2023” ณ Renaissance Shanghai zhongshan park Hotel  นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน 

TAT & ATTA Road show to China 2023

กิจกรรมดังกล่าวฯ เป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. กับ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) โดยนำผู้ประกอบการไทย (Seller) จำนวน 76 ราย พบปะกับผู้ประกอบการจีน (Buyer) จำนวน 335 ราย  ซึ่งมาจากหลายเมือง เป็นการเจรจาธุรกิจในรูปแบบ B2B และการสัมนา เพื่อผลักดันตลาดนักท่องเที่ยวจีน

รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพันธมิตรทางการท่องเที่ยว นำเสนอสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย กระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคุณภาพ ส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า (Meaningful Relationship) และมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (Ease of Travelling)

อีกทั้งยังเป็นการทำตลาดเชิงรุก หวังคืนความเชื่อมั่น กระตุ้นยอดขายทะลุเป้าด้วย Soft Power และส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง จะสามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนท่องเที่ยว ควบคู่กับการขยายระยะเวลาพำนัก สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยการผลักดันให้ “การท่องเที่ยว” เป็น ”เครื่องมือ“ ในการพัฒนาและรักษา เสถียรภาพโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 8 ล้านคน

ทั้งททท.ยังได้ประกาศเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทาง
มาเที่ยวงานตรุษจีน และงานสงกรานต์ ปีหน้าในประเทศไทย ซึ่งททท.เตรียมจัดตรุษจีนยิ่งใหญ่ทั้งประเทศ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่าแอตต้าได้นำผู้ประกอบการไทยกว่า 70 บริษัทเดินทางไปร่วมโรดโชว์ส่งเสริมการขายรายการนำเที่ยว “TAT & ATTA Road Show to China 2023” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง แอตต้า กับ ททท. วันที่ 11-15 ธ.ค. 2566 ณ นครเซี่ยงไฮ้และนครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนตลาดจีน กลับมาสู่ภาวะปกติในปี2567

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่าการตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนปีหน้าที่ 8 ล้านคน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีนต่างเชื่อว่าทำได้ ตลาดจีนมีศักยภาพในการฟื้นตัวได้เร็ว และ เป็นตลาดฐานของไทยที่ดี สามารถเรียกกลับมา เพราะมี market size เป้า 8 ล้านคน เพิ่มจาก 3.5-3.8 ล้านคนในปีนี้ จะทำขึ้นไป 2 เท่า ต้องมียาเร่ง หรือ มาตรการกระตุ้น

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

ทั้งในเรื่อง Marketing and Sales หมายถึง การกระตุ้นตลาดจาก ผปก นำเที่ยว ตลาดออฟไลนของไทย และ จีน โดยเฉพาะ ตลาดเมืองรองจากจีน งบประมาณจากภาครัฐ ที่ต้องเข้ามาสนับสนุน ผู้ประกอบการนำเที่ยว และ สายการบิน ระหว่างประเทศ      

รวมถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ระหว่าง หน่วยงานรัฐ กับแอตต้า  การทำประชาสัมพันธ์เชิงบวก แก้ไขภาพลักษณ์ หรือ ปราบ fake news อย่างเป็นระบบ ความร่วมมือกับ สถานทูตจีน ในการดูแล นักท่องเที่ยวไทย และ จีน อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกัน  เป็นต้น

ประเด็นสำคัญคือ ภาครัฐต้องให้ความสำคัญตลาดจีนมากที่สุด เพราะในอนาคตอันใกล้ ไม่มีตลาดใด ที่จะมี Market size ทั้งด้าน ปริมาณ และ คุณภาพ มาทดแทนได้แน่นอน ซึ่งในปีนี้ น่าจะจบ ที่ 27-28 ล้านคน ปีหน้าททท.ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างขาติ 35-38 ล้าน เพิ่มขึ้น 8-10 ล้านคน หากมองย้อนกลับมาปีนี้ ทุกตลาด แทบชน เพดานแล้วทั้งสิ้น

ตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ได้ปริมาณ แต่ค่าใช้จ่าย และจำนวนวันพักเป็นระยะสั้น เที่ยวข้ามแดนเป็นหลัก นักท่องเที่ยวยุโรป ปีนี้ ชนเพดาน ปีหน้า เพิ่มเต็มที่ ไม่เกิน 1 ล้านคน นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เพิ่มประมาณ 5 แสนคน

นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวไต้หวัน นักท่องเที่ยวฮ่องกง รวมกัน ไม่เกิน 1 ล้านคน นักท่องเที่ยวอินเดีย เต็มที่ ไม่เกิน 2 ล้านคน เพิ่มจากปีนี้ ไม่เกิน 5 แสนคนเพราะข้อจำกัด ด้านการบินของอินเดียที่มีอยู่

ททท.ปั้มจีนเที่ยวไทยปีหน้า 8 ล้านคน ครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด

ดังนั้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน เท่านั้น ที่จะเป็นเป้าหมายหลักของ ตลาดปีหน้าเพราะเป็นฐานลูกค้าเก่า ขอให้ ทำปัจจัยกระตุ้นตลาด การเพิ่มเที่ยวบิน การสร้างตลาดเมืองรอง ที่ปีนี้ืยังไม่กลับมา กลไกตลาดผู้ประกอบการนำเที่ยว ที่ต้องดึงกลับมาขายประเทศไทย ภาพลักษณ์เชิงบวก บน social media ในจีน การติดตาม และสนับสนุนมาตรฐานการบริการ การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ สถานทูตจีน สม่ำเสมอ  ดังนั้นในปีหน้านักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย +4 ล้านคน ไม่ได้เกินความเป็นจริง