GEN 2 พิมาลัย สร้างจุดขายใหม่โรงแรม ปั้นเกาะลันตาสู่ลักชัวรี

การปักหมุดรีสอร์ทหรูแห่งแรกบนเกาะลันตา ของ “พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา” ไม่เพียงแต่สร้างชื่อให้เกาะแห่งนี้ไปสู่ระดับโลก จนขณะนี้เราเริ่มเห็นกลุ่มเชนโรงแรมเข้ามารุกตลาดในพื้นที่นี้บ้างแล้ว ซึ่งภายใต้การบริหารของทายาทรุ่น 2 “ชรินทิพย์ ตียาภรณ์” ไม่เพียงทำให้โรงแรมกลับมาฟื้นตัวหลังโควิดได้เป็นอย่างดี ล่าสุดก็ไม่หยุดที่พัฒนาจุดขายใหม่ของโรงแรมอย่างต่อเนื่อง

• รร.พิมาลัยตีปีกอัตราเข้าพักพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่นที่ 2 เจ้าของร่วม พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ผู้เป็นหัวเรือขับเคลื่อนรีสอร์ตแห่งนี้ เปิดใจว่า ปี 2566 ถือว่าเป็นปีที่ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจำนวนเที่ยวบิน และราคาตั๋วเครื่องบินยังไม่กลับมาเท่ากับก่อนโควิด

โดยในส่วนของพิมาลัย รีสอร์ต ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เรามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจมา โดยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 65% เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 60% หรือเติบโตกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับอัตราการเข้าพักตลอดปี 2565 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 30%

เนื่องจากที่ผ่านมาแม้จะเกิดโควิด-19 แต่เราก็ไม่หยุดที่จะทำการตลาด รวมถึงปรับปรุงระบบโอเปอเรชั่นหลังบ้านในการนำดิจิทัลมาใช้มากขึ้น เพื่อให้พนักงานออกไปเซอร์วิสหรือให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น การปรับปรุงเมนูอาหารให้ทันสมัย ปรับปรุงบริการต่างๆเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลังโควิดคลี่คลาย ซึ่งถือว่าฟื้นเร็วมาก เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดพฤติกรรมเที่ยวล้างแค้น คนอั้นไม่ได้เที่ยวมานาน

ลูกค้าหลักของโรงแรมเป็นนักท่องเที่ยวยุโรป ลูกค้า 5 อันดับแรก คือ อังกฤษ เยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และจีน นักท่องเที่ยวมาพักยาวขึ้น โดยยุโรปมักจะมาพักแบบลองสเตย์  7-10 คืนต่อครั้ง และนิยมมาในช่วงไฮซีซันเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน ซึ่งแม้เศรษฐกิจโลกจะชลอตัว

แต่นักท่องเที่ยวก็อาจจะเที่ยวน้อยลง จากที่เคยเที่ยว 4 ครั้งต่อปี ก็อาจจะลดลงมาเหลือ 1 ครั้งต่อปี แต่เลือกที่จะเที่ยวพักผ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น  สลับกันกับกลุ่มเอเชียที่จะมาพักระยะสั้นด้วยระยะทางบินใกล้กว่า จะพัก 2-3 คืนต่อครั้ง และมักมาในช่วงโลว์ซีซันเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม

• ชูจุดแข็งความเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลังโควิด

อีกทั้งหลังโควิดคนต้องการใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น พิมาลัย ก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเรามีจุดแข็งเรื่องความเป็นธรรมชาติ ภายในพื้นที่ 250 ไร่ ที่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะยุโรปต้องการ

อาทิ หาดยาว 900 เมตร มีความเป็นส่วนตัว จากห้องพักที่มีเพียง 121 ไร่ การให้บริการแบบ Thai Hospitality และราคาที่เหมาะสม ซึ่งลูกค้าหลักของรีสอร์ท 90% เป็นชาวต่างชาติ ส่วนอีก  10% เป็นนักท่องเที่ยวไทย

ส่วนราคาค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7,317 บาทต่อคืน ยังไม่เท่ากับปีก่อนโควิด (ปี2562) ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่ 7,802 บาทต่อคืน เนื่องจากเรามีค่าใช้จ่ายในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 แต่ก็คาดว่ากำไรจากการดำเนินกิจการของพิมาลัย จะโตขึ้นกว่าปี 2562 ราว 2% 

การที่โรงแรมมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงขึ้น เพราะเราเน้นกลยุทธการเพิ่มอัตราเข้าพักเฉลี่ยเป็นหลัก เพื่อดึงลูกค้าให้อยู่นานขึ้น เพราะยิ่งอยู่ยาวยิ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะการใช้จ่ายภายในรีสอร์ท เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สปา แพ็กเกจทัวร์ มากขึ้น ทำให้เราต้องทำโปรโมชั่น เพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักกับเรา เช่น ลดค่าห้องหรือพักยาวขึ้นได้ค่าห้องถูกลง เป็นต้น

• ผุด "เดอะ เฮอริเทจ" เปิดประสบการณ์ใหม่ไดนิ่ง เกาะลันตา

รวมไปถึงขณะนี้ล่าสุดโรงแรมได้ใช้งบลงทุนรวมกว่า 50 ล้านบาทในการพัฒนาและปรับปรุงบริการ โดยแบ่งเป็นงบ 20 ล้านบาทสำหรับการปรับพื้นที่เก่าซึ่งเคยเป็นล็อบบี้ของโซนวิลล่าและห้องสมุด พัฒนาเป็นเลานจ์แห่งใหม่ ชื่อ “เดอะ เฮอริเทจ” (The Heritage) รองรับ 70 ที่นั่ง มองเห็นวิวทะเลแบบพาโนรามา เตรียมเปิดให้บริการภายในปลายปี 2566

เดอะ เฮอริเทจ จะเป็นเลานจ์ที่ไม่เหมือนใครบนเกาะลันตา ในช่วงกลางวัน จะนำเสนอประสบการณ์ทานอาหารที่หลายหลาย มีขนมไทยผสมผสานกับเทคนิคฝรั่งที่ทันสมัย ส่วนเมื่อพระอาทิตย์ตก ที่นี่จะกลายเป็นบาร์ที่มีชีวิตชีวา ให้บริการค็อกเทล และเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ ความสูง 60 เมตรจากระดับน้ำทะเล

เราตั้งใจพัฒนา เดอะ เฮอริเทจ ให้เป็นสถานที่ระดับไอคอนิกอีกแห่งของเกาะลันตา คาดหวังว่าเมื่อการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาแล้วเสร็จ จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาใช้บริการกินดื่มชมวิวมากขึ้น

• รีโนเวตบีชวิลล่า-ขยายสปา รับกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีแผนจะทยอยรีโนเวตห้องพักแบบ “บีช วิลล่า” (Beach Villa) ครั้งใหญ่ทั้ง 11 หลัง ใช้งบราว 30 ล้านบาท จะให้แล้วเสร็จภายในปลายปี 2567 โดยปัจจุบันราคาห้องพักบีชวิลล่าช่วงไฮซีซันของพิมาลัย แบบ 1 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 34,000 บาทต่อคืน แบบ 2 ห้องนอน เริ่มต้น 45,000 บาทต่อคืน และแบบ 3 ห้องนอน เริ่มต้น 64,000 บาทต่อคืน รวมถึงวางแผนขยายในส่วนของสปาด้วย เพื่อรองรับกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ที่เติบโตสูง

ส่วนในปี 2567 โรงแรมมีเป้าหมายว่าจะเพิ่มอัตราการเข้าพักเฉลี่ยขึ้นเป็น 72% ขยับเพิ่มราคาค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) เป็น 7,607 บาทต่อคืน เนื่องจากโรงแรมจะเปิดให้บริการเลานจ์แห่งใหม่ภายในโรงแรม ชื่อ “เดอะ เฮอริเทจ” (The Heritage)  ที่ไม่เพียงจะรองรับลูกค้าของโรงแรม ยังรองรับลูกค้าจากข้างนอกที่มาเที่ยวเกาะลันตาด้วย

• เพิ่มจุดขายโลคัล เอ็กซ์พีเรียน 

รวมถึงการสนับสนุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเตรียมออกแพ็กเกจทัวร์ชุมชน “ตกปลากับชาวประมงเกาะปอ” และนำปลาที่จับได้มาทำอาหารในรีสอร์ท ส่งเสริมเรื่องประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) ที่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่นิยม รวมถึงช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น

ขณะที่แผนทำตลาดปีหน้าจะเน้นกระจายกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยจะเน้นกระจายสัดส่วนลูกค้าหลักใน TOP 5 ให้มีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ระดับ 20% รวมถึงหาตลาดใหม่ อาทิ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ตลาดอื่นๆในเอเชีย เข้ามาเสริมตลาดจีนที่ยังไม่กลับมา

• รอทอท.บริหารสนามบินกระบี่ดึงเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ

ปัจจุบันสนามบินกระบี่ได้ขยายศักยภาพรองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 4 ล้านคนต่อปีเป็น 8 ล้านคนต่อปี แต่ปัจจุบันมีสายการบินเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศน้อย เฉพาะเที่ยวบินประจำ มีบินมาจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และดูไบเท่านั้น

ส่วนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) มีแค่ยุโรป 2 เส้นทางจากสแกนดิเนเวียและโปแลนด์ในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2023/2024  ขณะที่เที่ยวบินจากจีนยังไม่กลับมา

เราก็หวังว่าหากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รับโอนสิทธิการบริหารสนามบินกระบี่จากกรมท่าอากาศยานมาบริหารแทนแล้วเสร็จโดยเร็ว ก็จะทำให้มีการดึงเที่ยวบินจากต่างประเทศเข้ามาได้มากขึ้น

ในส่วนกรณีที่ปัจจุบันเริ่มมีเชนโรงแรมเข้ามาดำเนินธุรกิจในเกาะลันตา เราไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะการมีเชน ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยสร้างเดสติเนชั่นของเกาะลันตา ให้เป็นการเจาะกลุ่มตลาดลักชัวรีได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง