วันนี้ (วันที่ 31 มกราคม 2567) กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย (Kata Group Resorts Thailand) ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมในภาคใต้อย่างแท้จริงที่บริหารงานโดยคนไทยมากว่า 44 ปี ประกาศก้าวสู่ยุคใหม่เต็มกำลัง พลิกโฉมแบรนด์ “บียอนด์” (Beyond) ด้วยแนวคิด“Colors of Beyond” สาดสีสันการพักผ่อนและท่องเที่ยวให้เจิดจรัสกว่าเคยมีมา
พร้อมทุ่มงบกว่า 1,500 ล้านบาท รีโนเวท “บียอนด์ กะตะ” (Beyond Kata) ครั้งใหญ่ เปิดตัวโรงแรมใหม่ “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” (Beyond Skywalk Nangshi) แลนมาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่สุดปัง คาดดึงนักท่องเที่ยวสู่ภาคใต้ประเทศไทยล้นหลาม รวมถึงขยายห้องพักโรงแรมบียอนด์ กระบี่ และรีโนเวทโรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา
จากการเริ่มต้นสร้างกระต็อบ 9 หลังที่หาดกะตะเมื่อ 44 ปี จนขยายโรงแรมในอันดามันและสมุย เพิ่มเป็น 9 แห่งในปัจจุบัน “ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย” พร้อมภรรยา ได้สร้างรากฐานความเข้มแข็งให้ธุรกิจกะตะกรุ๊ปจนผ่านมรสุมต่างๆได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง สึนามิ โควิด-19 ล่าสุดกะตะกรุ๊ป ได้รีแบรนด์ธุรกิจให้มีความทันสมัย พร้อมดึงเจเนเรชั่น 2 เข้ามาช่วยบริหารงาน ที่ช่วยขับเคลื่อนด้านการตลาดอีกด้วย
นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย และ บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เปิดเผยว่า ในปีนี้ กะตะกรุ๊ปได้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการของเมืองไทยมา 40 ปีแล้ว
โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์รีสอร์ทที่ดีที่สุดริมทะเล เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับแก่ผู้มาเยือนตลอดมา โดยมี “บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” (Beyond Hotels & Resorts) เป็นแบรนด์หลักของกลุ่มที่สร้างความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผลกระทบครั้งใหญ่จากวิกฤติการแพร่ระบาดทั่วโลก กะตะกรุ๊ปได้กลับมาพลิกฟื้นอีกครั้งด้วยการปรับกลยุทธ์และวางตำแหน่งแบรนด์ใหม่ (Brand positioning) ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ภายใต้แนวคิด ‘The Colors of Beyond’ หรือสีสันแห่งการพักผ่อนและการท่องเที่ยวในรูปโฉมใหม่ที่เหนือระดับกว่าที่เคยมีมาโดยเน้นการพัฒนาจุดหมายปลายทางที่นำเสนอประสบการณ์ “ไลฟ์สไตล์” ที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ไปจนถึงการรีแบรนด์ และรีโนเวทโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเพื่อให้มีความสดใหม่มากยิ่งขึ้น
“ปัจจุบันกะตะกรุ๊ปมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ โดยเป็นเจ้าของและบริหารงานเองทั้งสิ้น 9 แห่ง ทุกแห่งตั้งอยู่ริมชายทะเลบนชายหาดที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 2,200 ห้อง ในขณะที่เราเฉลิมฉลอง 40 ปีในอุตสาหกรรมการบริการของไทย
เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัวแนวคิด 'The Colors of Beyond' ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำแก่แขกของเรา การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงเรา ความยืดหยุ่นและการอุทิศตนเพื่อมอบความเป็นเลิศในภูมิทัศน์การท่องเที่ยวที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา” นายประมุขพิสิฐกล่าว
บทใหม่ของ “กะตะกรุ๊ป” คือการกำหนดตำแหน่งแบรนด์ให้กับ “บียอนด์ รีสอร์ท” ที่ฉีกไปจากเดิมบนกลยุทธ์แนวคิด “The Colors of Beyond” ที่จะปั้นให้บียอนด์กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ (MASSCLUSIVITY) ด้วยการมุ่งสร้างความพิเศษที่ดีที่สุด ในราคาที่จับต้องได้ ผ่านเสาหลัก 4 ด้าน ได้แก่
บียอนด์ทุกแห่งตั้งอยู่ริมทะเลบนชายหาดที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ของประเทศไทย ผสานการออกแบบสไตล์ร่วมสมัยที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยของแต่ละท้องถิ่น เพียบ
พร้อมด้วยการบริการที่มีรสนิยม ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการนำเสนอประสบการณ์ที่หายาก ทั้งอาหารไทยรสเลิศ กิจกรรมและการท่องเที่ยวที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน
การนำเทคโนโลยีมาผนวกเข้ากับการบริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยช่วยให้แขกที่มาพักได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
บียอนด์เน้นการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านการดูแลบำบัดน้ำเสีย การลดขยะ และมาตรการอื่น ๆ อีกมากมาย
การดำเนินงานของบียอนด์ให้ความสำคัญกับท้องถิ่นในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนสินค้าของชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน สร้างงานสร้างรายได้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้ชุมชนยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน
โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ “บียอนด์” ประกอบด้วย 3 ซีรีย์
โปรเจกต์ “The Colors of Beyond” ยังรวมถึงการ รีโนเวท “บียอนด์ กะตะ” (Beyond Kata) ครั้งใหญ่ ด้วยมูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อให้เป็นรีสอร์ทเพื่อการพักผ่อนริมชายหาดที่ดีที่สุดบนหาดกะตะ ด้วยดีไซน์ร่วมสมัย
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการออกแบบอย่างดี บวกรวมกับการบริการมาตรฐานระดับโลก ผสานกลิ่นอายเสน่ห์ท้องถิ่นอันอบอุ่น เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัว และรองรับการจัดประชุม อีเวนต์ และ MICE อย่างลงตัว
นอกจากนั้นยังได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” (Beyond Skywalk Nangshi) โรงแรมขนาด 57 ห้อง ด้วยมูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท บนพื้นที่ 40 ไร่ คาดว่าจะคืนทุนใน 4 ปี
เพราะเป็นเงินตัวเองไม่ได้กู้ธนาคารมา แลนมาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่เปิดตัวในปี 2567 นี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา ประเทศไทย โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของทะเลอันดามันและภูเขาเสม็ดนางชีอันยิ่งใหญ่ มีห้องพักหลากหลาย เหมาะกับทุกงบประมาณและความต้องการ มีให้เลือกทั้งเต็นท์วิวทะเล เต็นท์กลางป่าแบบลักชัวรี พาวิลเลี่ยนวิวทะเล และพูลวิลล่า
นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ สระว่ายน้ำ กิจกรรมทางน้ำ และกิจกรรมท่องเที่ยวธรรมชาติ ไฮไลท์คือ ‘บียอนด์ สกายวอล์ค’ (Beyond Skywalk) ทางเดินพื้นกระจกลอยฟ้าที่สูงและยาวที่สุดในประเทศไทย
ด้วยความยาว 180 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 80 เมตร กระจกสามชั้นหนา 30 มม. สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 500 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ราคาเข้าชมพร้อมเครดิตอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท นักเรียน/เด็ก ราคา 300 บาท และเด็กเล็กเข้าชมฟรี (ราคานี้เป็นช่วงเปิดตัว หมดเขต 29 กพ. นี้)
ขณะนี้“บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” เปิดให้บริหารในส่วนของสกายวอล์ค ที่จะขายบัตรเข้าชมราคา 500 บาท สามารถใช้เป็นเครดิตในการทานอาหารได้มูลค่า 300 บาท เราตั้งเป้าคนเข้ามาชมวิวอยู่ที่ 1,000 คนต่อวัน วันนี้อยู่ในช่วงเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า วันธรรมดา มีผู้เข้าชมสกายวอล์ค 300-400 คนต่อวัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ อยู่ที่ 800-900 คน
แต่เรามั่นใจหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเมษายนนี้ จะได้ตามเป้าหมาย เพราะจะเริ่มมีการขายผ่านทราเวลเอเย่นต์ หรือเคาท์เตอร์ทัวร์อย่างจริงจัง
ในส่วนของสกายวอล์ครองรับได้ 1,500 คนต่อรอบ ขณะที่ลูกค้าในส่วนของโรงแรมก็จะสามารถใช้บริการสกายวอล์คได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจุดเด่นนักท่องเที่ยวอยากจะมาชมแสงแรกของวันที่นี่ โดยค่าห้องพักเริ่มต้นที่ 5-6 พันบาทต่อคืนในช่วงนี้ และจะเพิ่มเป็น 8-9 พันบาทต่อคืน หลังการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
“ผมเป็นคนที่ชอบทำเรื่องอีเว้นท์ ก็นำมาใช้กับกิจกรรม “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกลมตักบาตรลอยฟ้าทุกวันเสาร์แรกของเดือน ให้นักท่องเที่ยวตักบาตรช่วงเข้า การจัดกิจกรรมวิวาห์ในม่านเมฆ หรือที่จะทำเพิ่มคือการจดทะเบียนขอแต่งงานบนสกายวอล์คก็ให้เข้าฟรี เป็นต้น”
นอกจากนี้กะตะ ยังเตรียมจะปิดโรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นเวลา 6 เดือนที่จะเริ่มปิดในวันที่ 22 เมษายนนี้ เพื่อปรับปรุงโรงแรมใหม่ เพื่อเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ รองรับนักท่องเที่ยวตลาดครอบครัวในกลุ่มรัสเซีย ที่มีค่อนข้างเยอะ รวมถึงการสร้างสระว่ายน้ำใหม่ และเพิ่มห้องพักอีก 25 ห้อง ซึ่งการปรับปรุงในเฟส 1 ของโรงแรมบียอนด์ กระบี่
กระบวนทัศน์การปรับโฉมแบรนด์ยังรวมถึงการดึงผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาร่วมเดินเกมโปรเจกต์การนำ “กะตะกรุ๊ป” เข้าสู่ยุคใหม่ ที่จะยกระดับและสร้างภูมิทัศน์การท่องเที่ยวทะเลใต้ประเทศไทยให้เติบโตอย่างเต็มกำลัง
โดยได้แต่งตั้ง นายศศิศศ์ ถาวรว่องวงศ์ ในตำแหน่ง รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การค้า แห่งกะตะกรุ๊ป มาร่วมบริหารงานการปรับปรุงตามแผน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศและความก้าวหน้าขององค์กรผ่านมุมมองของคนยุคใหม่ที่เข้าใจตลาดปัจจุบันอย่างแท้จริง
“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงครั้งนี้กับ กะตะกรุ๊ป และบียอนด์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เรามุ่งเน้นไปที่การปรับกลยุทธ์ให้ทันสมัยและยกระดับข้อเสนอของเราเพื่อตอบสนองความต้องการแบบไดนามิกของตลาดในปัจจุบัน เรามุ่งมั่นที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่และสนับสนุนการเติบโตของการท่องเที่ยวในทะเลใต้ของประเทศไทย”
นายศศิศศ์ กล่าวต่อว่า กะตะกรุ๊ปเราไม่ได้ตั้งใจทำเป็นโรงแรม 5 ดาวลักชัวรี แต่เราเป็นโรงแรมระดับอัพสเกล สร้างประสบการณ์ที่ดี ในโลเลชั่นที่ดีเยี่ยม ส่งความคุ้มค่าให้นักเดินทาง ทำให้เราได้รับการตอบรับที่มาก ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่โรงแรมสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกินกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ไปแล้ว คาดว่าในปีนี้โรงแรมในกะตะจะมีรายได้จากยอดขายห้องพักราวค่าห้อง 1500 ล้านบาท แต่ถ้ารวมอาหารด้วยจะอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 12%
โดยฐานลูกค้าโดยรวมของโรงแรมในเครือกะตะ กรุ๊ป จะเป็นนักท่องเที่ยว 85% ต่างชาติ และนักท่องเที่ยวคนไทย 15 % ยกเว้นโรงแรมบียอนด์ สกายวอล์ค นางชี ที่จะมีฐานลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ในสัดส่วน 50:50
กว่า 44 ปีในการเปิดให้บริการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มมาซ้ำ บางคนมาพักกว่า 44 ครั้งอายุของลูกค้าสูงสุดอยู่ที่ 60 ปีขึ้นไปก็มี การรีแบรนด์ก็จะทำให้ทันสมัยมีการสื่อสารที่ชัดเจน ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวอายุที่ลดลง อยู่ที่ราว 48 ปี รวมถึงกลุ่มใหม่ๆที่เราไม่เคยมีมาก่อนด้วย
อีกทั้งกะตะยังมองการลงทุนโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 3 แห่ง โดยมีแผนจะสร้างโรงแรมระดับ 5-6 ดาวในเมืองภูเก็ต การสร้างโรงแรมเพิ่มที่เขาหลัก และมองถึงการพัฒนาโรงแรมและเวลเนสที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ด้วย ซึ่งที่นี่มีจุดขายเรื่องของพลุน้ำเค็ม ที่มีแค่ 2 แห่งในโลกเท่านั้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
รวมถึงมองโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามาอยู่เสมอ ที่ก็มีคนเข้ามาเสนอขายที่ดินให้ทางกะตะ กรุ๊ป มากมาย แต่ทางกะตะกรุ๊ป จะต้องพิจารณาเรื่องของจุดคุ้มทุน การทำให้โปรดักซ์ของเราได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับกับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับด้วย
นายประมุขพิสิฐ กล่าวย้ำว่า การลงทุนของกะตะ จะอยู่ที่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ เป็นหลัก เพราะเรามองอันดามันมีทะเลและเกาะแก่งที่สวยงามในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และมองว่าอันดามันจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำระดับโลกได้
ปัจจุบันกะตะกรุ๊ปเป็นเจ้าของและบริหารงานเองทั้งสิ้น 9 แห่ง ทุกแห่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดริมทะเลบนชายหาดที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ของประเทศไทย ประกอบด้วย โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปาและ ประมุกโก้ รีสอร์ท
ร่วมด้วยรีสอร์ทที่อยู่ภายใต้แบรนด์ “บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท” 7 แห่ง ที่มอบสีสันแห่งการพักผ่อนในรูปโฉมใหม่ที่เหนือระดับกว่าที่เราเคยมีมา ภายใต้แนวคิด ‘The Colors of Beyond’ ได้แก่ บียอนด์ กะตะ บียอนด์ กะรน บียอนด์ ป่าตอง ตั้งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต, บียอนด์ กระบี่ บียอนด์ สมุย บียอนด์เขาหลัก และ บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี จังหวัดพังงา โรงแรมและแลนมาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เปิดตัวในปี 2567
ดูรายละเอียดในแต่ละโรงแรมคลิ๊กที่นี่