รัฐปูพรมดึง 23 งานเวิล์ดอีเว้นท์ เข้าไทย World Class Event Hub ปั้มท่องเที่ยว

20 เม.ย. 2567 | 08:24 น.

รัฐบาลปูพรมดึง 23 งานเวิล์ดอีเว้นท์ Music, Sports, Food & Lifestyle เข้าไทย ชูธง World Class Event Hub หนุนผู้จัดงานต่างชาติ สนับสนุนผู้จัดงานไทย รวมถึงยกระดับกิจกรรมอัตลักษณ์สู่งานระดับโลก ปั้มรายได้ท่องเที่ยวทั้งปี 3.5 ล้านล้านบาท มีงานไหนบ้างเช็คที่นี่

การผลักดันให้ประเทศไทย เป็น World Class Event Hub จัดเป็น 1 ใน 5 กลยุทธ์หลักในการกระตุ้นท่องเที่ยว ยกระดับการท่องเที่ยวไทย รวมถึงช่วยเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว และขยายจำนวนวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยจะมีการบูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างประสบการณ์ World Class Experience เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าเป้าหมายการขับเคลื่อนรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ในปี 2567 นี้ การผลักดันให้ประเทศไทย เป็น World Class Event Hub จัดเป็น 1 ใน 5 กลยุทธ์หลักในการกระตุ้นท่องเที่ยว ยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยในส่วนของททท.จะส่งเสริมและสนับสนุนการดึง World Event จากต่างประเทศเข้ามาจัดในไทย

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

รวมถึงการสนับสนุนผู้จัดคนไทย เพื่อสร้างอีเว้นท์ไปสู่สายตาชาวโลก อย่าง S2O เทศกาลดนตรีสาดนํ้า จัดเต็มแสงสีเสียง (S2O Songkran Music Festival ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างสรรค์และขยายกิจกรรมที่มีศักยภาพและมีอัตลักษณ์ในพื้นที่ต่างๆทั่วไทย ยกระดับสู่งานระดับนานาชาติ สร้างจุดขายกระจายได้รายได้สู่จังหวัดต่างๆ

การนำอีเว้นท์ระดับโลกมาสู่เมืองไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัด EVENT ระดับโลก ซึ่งเรามองทั้งด้าน Music, Sports, Food & Lifestyle ซึ่งในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า จะมี World Event ทยอยมาเปิดตัวในประเทศไทยต่อเนื่องสำหรับงานที่ยืนยันจะจัดในไทย

อาทิ เทศกาลดนตรี Summer Sonic 2024, Rolling Lound Thailand 2024 งานที่อยู่ระหว่างการเจรจา อาทิ Tomorrowland 2025 และงานต่างๆ เตรียมจะดึงเข้ามาจัดในอนาคต ซึ่งการดึงคอนเสิร์ต หรือเทศกาลดนตรี อีเวนท์ในด้านต่างๆระดับนานาชาติเข้ามาจัดในไทย จะทำให้ดึงแฟนคลับเข้ามาในไทย

รัฐปูพรมดึง 23 งานเวิล์ดอีเว้นท์ เข้าไทย World Class Event Hub ปั้มท่องเที่ยว

ไม่เพียงการดึงอีเว้นท์ระดับโลกเข้ามาจัดในไทย ก็จะยังมีกิจกรรมที่ททท.จะจัดเอง และยกระดับให้ใหญ่ขึ้นเป็นระดับนานาชาติ อาทิ RT EVENT (อีเว้นท์ด้านการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ) ,มหาสงกรานต์ 2567,ลอยกระทง, งาน Vijit เจ้าพระยา และ Vijit 5 ภาค ที่เป็นงานด้านวัฒนธรรมผสมผสานกับนวัตกรรมแสงสีเสียง,การจัดงานมหกรรมแห่งการผ่อนคลาย ที่จะเพิ่มเรื่องของ Health & Wellness Festival เข้ามาไปด้วย เพื่อปักหมุดหมายเจาะกลุ่มผู้มารักษาสุขภาพในไทย นางสาวฐาปนีย์ กล่าวทิ้งท้าย       

สำหรับแผนในสร้างสรรค์และดึงงานระดับ World Class Event เข้าไทย เบื้องต้นในขณะนี้มีทั้งหมด 23 งาน ได้แก่

งานที่ได้รับการยืนยันแล้ว ได้แก่

  • Summer Sonic 2024
  •  KAWS Art ไตรมาส 2 ปี 2024
  •  Moto GP ไตรมาส 4 ปี 2024
  • วอลเลย์บอล เวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ ไตรมาส 2 ปี 2025
  •  Asian Indoor & Martial Arts Games ไตรมาส 4 ปี 2025
  •  74th FIFA Congress ไตรมาส2 ปี 2024
  •  เทศกาลวันหยุดชาติจีน ปี 2024
  •  วันวิสาขบูชาโลก 2024
  •  มหาสงกรานต์ 2024 (สนามหลวง)ที่ผ่านมา
  • งานอะเมซิ่ง มวยไทย เวิล์ด เฟสติวัล ไตรมาส 1 ปี 2025
  • มิชลิน ไกด์ ฟู้ด เฟสติวัล 2025
  •  Vijit Chao Phraya 2024
  •  ลอยกระทง เฟสติวัล 2024
  • Amazing Thailand Marathon x World Athletics ไตรมาส 4 ปี 2024
  • Thailand LPGA ไตรมาส 1

งานที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่

  • Bangkok Art Biennale ไตรมาส 2 ปี 2024
  •  Formula E ไตรมาส 3 ปี 2025
  •  Motocross ปี 2025

แผนในอนาคต ได้แก่

  • Formula 1 Pylon Air Racing
  •  Tennis WTA 500
  •  Formula 1
  •   Creamfields x Songkran & Loy Krathong

การดึง 23 งานเวิล์ดอีเว้นท์ มาจัดในไทย

ด้านนายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหาร IMPACT กล่าวว่า การดึงระดับ World Class Event เข้ามาจัดในไทยเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงการที่รัฐบาลผลักดันเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ ใน 11 สาขา ก็จะช่วยทำให้เกิดอีเว้นท์ และอิมแพ็ค เมืองทองธานี ก็มีศักยภาพในการรองรับการจัดงาน จากพื้นที่จัดงานที่มีมากถึง 140,000 ตารางเมตร รองรับการจัดงานขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง อย่างล่าสุด ก็จะมีการจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลก Summer Sonic Bangkok 2024 วันที่ 24-25 สิงหาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ใช้พื้นที่ทั้งหมด 60,000 ตร.ม. รวม 2 วัน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน เฉลี่ย 50,000 คนต่อวัน เป็นต้น

พอลล์ กาญจนพาสน์

การจัดคอนเสิร์ตในไทยมีการเติบที่ดีมาก มีทั้งคอนเสิร์ตของไทย และคอนเสิร์ตจากต่างประเทศ โดยส่วนมากเป็นศิลปินจากเกาหลีใต้ ทำให้ยอดจองพื้นที่โดยรวมในปีนี้เติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่แนวโน้มเติบโตไม่ตํ่ากว่า 20% จากปีก่อน เฉพาะการจัดคอนเสิร์ตในอารีน่าช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็เต็ม ถ้าลงที่อารีน่าไม่ได้ เราก็จะผลักดันให้ไปจัดที่ชาเลนเจอร์ หรือในฮอลล์ต่างๆ

นอกจากนี้สิ่งที่ผมอยากเห็น คือ อยากให้วงการผู้จัดคอนเสิร์ตของไทยเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้ารัฐบาลจะมีสนับสนุนผู้จัดต่างประเทศก็น่าจะมีสนับสนุนผู้จัดในประเทศเช่นเดียวกัน เนื่องจากในบ้านเราก็มีผู้จัดมิวสิคเฟสติวัลจำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ที่ตอนนี้เริ่มเงียบลงไป ทั้งที่จริงๆ อีเว้นท์เหล่านี้ทำให้การท่องเที่ยวดีขี้น หลายฝ่ายได้ประโยชน์ เราอยากเห็นวงการนี้คึกคักมากขึ้น

เพราะเมื่อเทียบกับผู้จัดคอนเสิร์ตต่างประเทศที่เข้ามาจัดในไทย ขายตั๋วและเอาเงินกลับบ้านเขา ถ้าเทียบกับผู้จัดคอนเสิร์ตไทยที่เสียภาษี ทำให้บ้านเราเป็นสถานที่ที่คนอยากมาจัดคอนเสิร์ต ซึ่งรัฐบาลอาจจะช่วยเรื่องสนับสนุน ทำให้ต้นทุนเขาถูกลง เพื่อให้ตั๋วถูกลง ดีสำหรับลูกค้าไทยมากขึ้นด้วย