วันนี้ (วันที่ 8 พฤษภาคม 2567) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จัดงานแถลงข่าวร่วมกันนับถอยหลังสู่ความยิ่งใหญ่ และแสดงให้เห็นถึงความพร้อม สำหรับการจัดประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ประจำปี 2024 (74"FIFA
CONGRESS BANGKOK, 2024) ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลไทย ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะมีสมาชิกของฟีฟ่า เดินทางมาถึง 211 ประเทศทั่วโลก และ มีนักกีฬาฟุตบอลระดับตำนานมาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงคาดว่าจะมีผู้คนเดินเข้ามาในประเทศไทย กว่า 3,000 คน และจะมีการถ่ายทอดกิจกรรมและการประชุมครั้งนี้ไปทั่วโลก
ดังนั้นจะเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทย ที่จะประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในการท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต จากการต้อนรับอันอบอุ่นของคนไทย ซึ่งเป็นการเน้นย้ำนโยบาย Soft Power ที่นับว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ
นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา เด็ก เยาวชนทุกๆ กลุ่มที่มีโอกาสได้เห็นและได้สัมผัส กับนักกีฬาฟุตบอลชื่อดังในตำนานของกิจกรรมที่จะมีขึ้น การเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมครั้งนี้ส่งผลให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นภาพแห่งความภาคภูมิใจ และ หนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญของ สมาคมฯ โดย ประเทศไทย ได้รับเลือกจาก ฟีฟ่า ให้เป็นเจ้าภาพ ในฐานะประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน และ เป็นประเทศที่ 5 ในทวีปเอเชีย ต่อจาก ประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, กาตาร์ และ ออสเตรเลีย
โดยปีนี้จะมีวาระสำคัญหลายอย่างเกิดขึ้น หนึ่งในนั้น คือ การโหวตเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2027 จึงถือเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำองค์กรลูกหนังจากทั่วโลก รวมไปถึงสหพันธ์ฟุตบอลระดับทวีปอีกมากมายที่ จะเข้ามา เช่น ยูฟ่า, ซีเอเอฟ, เอเอฟซี ,โอเอฟซี, คอนเมโบล และ คอนคาเคฟ จึงถือว่านี่ คือ อีเวนท์นอกสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล และกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คงไม่สามารถสร้างสรรค์งานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติครั้งนี้ได้ หากขาดการสนับสนุนอย่างรอบด้านจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ นำโดย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ ให้ความมั่นใจด้วยการร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงคณะกรรมการจัดการประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ที่ ประกอบไปด้วย หน่วยงานภายในประเทศ ที่ ให้การสนับสนุนทุกด้านตลอดการทำงานหนักครั้งนี้ และขอบคุณ TCEB หนึ่งในเบื้องหลังที่ทำให้ประเทศไทย ได้รับโอกาสสำคัญครั้งนี้
“เราเชื่อว่า ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 จะเป็นงานประชุมที่สร้างความประทับใจที่ดี ให้ผู้คนในวงการฟุตบอลทั่วโลก อย่างไม่รู้ลืม”
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการพัฒนากีฬาของชาติ มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆ ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา การเก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬา รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรให้มีส่วนร่วมในกิจกรรม หรือการประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญ กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย
สำหรับครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ ฟีฟ่า ให้เกียรติประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม แสดงให้เห็นว่า ฟีฟ่า มองเห็นขีดความสามารถของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการประชุมที่สามารถรองรับประเทศสมาชิกต่างๆ ทั่วโลก ที่สะท้อนไปถึงความพร้อมในศักยภาพด้านกีฬาและการท่องเที่ยว วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศทั่วโลกได้รับรู้ และที่สำคัญเป็นการสร้างกระแสความสนใจในกีฬาฟุตบอลของ เด็ก เยาวชน และประชาชน ในประเทศเพิ่มมากขึ้น
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB ) กล่าวว่า ในนามของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ผมรู้สึกยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74
ทีเส็บ ในฐานะองค์กรหลักด้านการประมูลสิทธิ์งานประชุมนานาชาติ ในนามประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่เราคือชาติแรกในอาเซียนที่ได้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ โดยการดึงงานฯ มาจัดที่ประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นความพยายามร่วมกันระหว่างทีเส็บ กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพฝ่ายไทย โดยการสนับสนุนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการยื่นประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการจัดงานฯ ภายใต้โครงการ One Ministry One Convention (OMOC) ทำให้ประสบความสำเร็จในการประมูลสิทธิ์ครั้งนี้
การประชุมครั้งนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศและก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจกว่า 228 ล้านบาท เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจในประเทศประมาณ 126 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 160 อัตราอีกทั้งยังเป็นการยกระดับและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการรวมตัวกันของชุมชนกีฬาระดับโลกอีกด้วย
สำหรับการประชุม ฟีฟ่า ครองเกรส ครั้งที่ 74 เต็มไปด้วยผู้นำทางด้านฟุตบอลจากทั่วโลก นำโดย จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า พร้อมด้วย ประธานสหพันธ์ฟุตบอลจาก 6 ทวีป, ตัวแทนจาก 211 สมาคมสมาชิกภายใต้ ฟีฟ่า และ ตำนานนักฟุตบอลชื่อดัง โดยมีวาระสำคัญที่จะเกิดขึ้นในงานครั้งแรก คือ การโหวตเลือกเจ้าภาพ ฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก ในปี 2027