ในบัญชี X (ทวิตเตอร์) ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่โพสต์เมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) ระบุว่า “ช่วงเย็นพบหารือกับนาย Thomas Schubert, Export Director, Leitner บริษัทชั้นนำของโลกในการทำเกี่ยวกับ กระเช้าลอยฟ้า เป็นบริษัทย่อยของบริษัท High Technology Industries (HTI) โดยเขาสนใจลงทุนโครงการเคเบิลคาร์ในประเทศไทย โดยเฉพาะ กระเช้าขึ้นภูกระดึง ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลกำลังผลักดัน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างเศรษฐกิจให้ชุมชนครับ”
ทั้งนี้ นายเศรษฐา เปิดเผยถึงการพบและหารือกับผู้บริหาร บริษัท Leitner (ไลต์เนอร์) ว่า ต้องพูดแบบตรงไปตรงมา ว่าทางบริษัทฯ ติดต่อเข้ามาเสนอขายกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นบริษัทที่อยู่มานาน และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะกระเช้าลอยฟ้าดังกล่าวใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ที่น่าสนใจอีกอย่างหากนับรวมเวลาในการขออนุญาตทางสิ่งแวดล้อม จะใช้เวลาสร้างกระเช้าลอยฟ้าเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า จำเป็นต้องสร้างผ่านภูเขาและป่าสงวน และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
"หากมองตรงไปตรงมา ตอนนี้ ไทยกำลังให้ความสนใจการสร้างกระเช้าฯขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทางบริษัทฯ จึงมาเสนอศึกษาว่า จะสามารถทำได้หรือไม่ โดยขั้นตอนต่อไป จะจ้างที่ปรึกษาโครงการ มาศึกษาความเป็นได้ และการลงทุนจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ บริษัท Leitner มีแนวคิดจะทำธุรกิจในประเทศไทยมานานแล้ว เพราะประเทศไทยมีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และจังหวัดเลย ถือเป็นเมืองรองที่รัฐบาลต้องการยกระดับ จึงมีแนวคิดอยากจะทำเรื่องนี้ขึ้นมา ดังนั้น เมื่อมีบริษัทข้ามชาติ อยากมาลงทุนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลการศึกษา และต้องพิจารณาผลการศึกษาอีกครั้งว่าออกมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เรื่องกระเช้าขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง บริษัทดังกล่าวให้ความสนใจมาแล้วก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่ นายเศรษฐา ยอมรับว่า บริษัทนี้ให้ความสนใจอยู่แล้ว และได้รับการประสานมาจาก สส. ในพื้นที่ด้วยว่า อยากดำเนินโครงการนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า โครงการนี้ มีแนวคิดมานานมากแล้ว เชื่อว่าจะมีผู้สนใจอยากจะเข้ามาลงทุน จนกระทั่ง ตนเองเดินทางมาอิตาลีพอดี ซึ่งบริษัทนี้ตั้งอยู่แถวประเทศออสเตรีย ขับรถมาประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อหารือเรื่องนี้ ยอมรับว่า น่าสนใจและ เชื่อว่าเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้เร็ว
เมื่อถามว่า นอกจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึงแล้ว บริษัทดังกล่าวสนใจ ลงทุนในพื้นที่ไหนอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมาพิจารณาร่วมกัน และต้องดำเนินการไปทีละขั้นตอน เชื่อว่ายังมีอีกหลายจังหวัด ที่ต้องการการส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม