ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

06 มิ.ย. 2567 | 09:39 น.

TTM+ 2024 คึกคัก ท่องเที่ยวไทยเจรจาธุรกิจกับ 425 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากถึง 1.5 หมื่นนัดหมาย ททท.ดึงกัมพูชา ลาว เมียนมา ร่วมงาน ผนึกความร่วมมือดันเป้าต่างชาติเที่ยวกลุ่มประเทศ GMS ทะลุ 95 ล้านคนในปี 2568 ขับเคลื่อนไทยฮับท่องเที่ยวอาเซียน

การจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 หรือ TTM+ 2024 ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวแบบ Business to Business (B2B) ระดับนานาชาติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของไทย ระหว่างวันที่ 5-7 มิ.ย. 2567 ที่เขาหลัก จ.พังงา ไม่เพียงจะมีผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวกว่า 425 ราย จาก 50 ประเทศทั่วโลก ร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย (ผู้ขาย) ที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงแรม รวมถึงบริษัทนำเที่ยว สถานบันเทิงและสันทนาการ และธุรกิจด้านคมนาคมขนส่ง รวมจำนวนกว่า 430 รายแล้ว

TTM+ 2024

ททท. ยังได้เชิญผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ และกลุ่มผู้ประกอบการจากกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ร่วมเปิดบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในงาน TTM+ 2024 ร่วมกับผู้ประกอบการไทยด้วย

รวมไปถึงนำเสนอโปรดักซ์ด้านการท่องเที่ยวของไทย ในแคมเปญ “Amazing Thailand : Your Stories Never End” ที่เน้นการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ ทั้งการท่องเที่ยวแบบ Luxury การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย Soft Adventure ในจุดไฮไลต์ต่างๆทั่วไทย และการจัดกิจกรรม Pre-Post Tour ในพื้นที่เขาหลัก พังงา ภูเก็ต กระบี่ สมุย เชียงใหม่-ลำพูน สำหรับผู้ประกอบการและสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อเสนอขายแก่นักท่องเที่ยวต่อไป

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน TTM+ 2024 ในปีนี้ททท.คาดว่าจะเกิดการเจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 15,000 นัดหมาย หรือราว 36 นัดหมายต่อราย สร้างรายได้จากการเจรจาธุรกิจมากกว่า 3,000 ล้านบาท และกระจายรายได้สู่จังหวัดพังงา จากการจัดงานครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท จากการเข้าพักในโรงแรม การจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ที่จะเกิดขึ้น และทำให้พังงา เป็นที่รู้จักของเอเย่นต์จากต่างประเทศ และส่งนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้น

ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

โดยเฉพาะจากผู้ซื้อต่างชาติที่เดินทางเข้ามาร่วมงานนี้เป็นครั้งแรกถึง 44.5 % ถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานตลาดและเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายมากยิ่งขึ้น รวมถึงตลาดใหม่ๆที่จะเข้ามา อย่าง ซาอุดีอาระเบีย จีน และนักท่องเที่ยวจากเอเชีย นอกเหนือจากภูเก็ต ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วสำหรับนักท่องเที่ยวและเอเย่นต์ต่างชาติ

อีกทั้งการจัดงานในปีนี้ททท.ได้เชิญผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ และกลุ่มผู้ประกอบการจากกัมพูชา ลาว และเมียนมา 15 หน่วยงานเข้า ร่วมเปิดบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในงาน TTM+ 2024 ร่วมกับผู้ประกอบการไทยด้วย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน และร่วมผลักดันเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่กลุ่มประเทศ Greater Mekong Sub-region (GMS) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว จีน (เฉพาะ 2 มณฑล ได้แก่ ยูนนาน และกว่างสี) ไทย และเวียดนาม ให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลุ 95 ล้านคนภายในปี 2568

ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

รวมถึงททท.ยังจะผลักดันให้ไทยเป็นฮับท่องเที่ยวของอาเซียน อย่างในงานนี้ ททท.ก็ได้จัดโพสต์ทัวร์ สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศและสื่อต่างชาติ ในการโปรโมทเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง อาทิ จากภูเก็ต ไปเชียงใหม่ ลงอีสานต่อลาว กลับมาหนองคาย

ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

นโยบายการต่างประเทศของ ททท. นั้น เป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้เกิดการเดินทางแล้ว ยังจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถจะขยายธุรกิจไปยังตลาดศักยภาพใหม่ ผ่านการบูรณาภายใต้กรอบความร่วมมือ อาทิ BIMSTEC, BRICS หรือ APEC ควบคู่กับการขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีเพื่อรักษาฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ ไทย-จีน ไทย-เกาหลีใต้ และ ไทย-มาเลเซีย เป็นต้น

รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างททท. กับหน่วยงานพันธมิตรในประเทศ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม สภาพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) เป็นการดำเนินงานที่ ททท. ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริมให้เกินการลงทุนเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้าและการบริการของประเทศไทย ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงท่องเที่ยวจะขับเคลื่อนให้ไทยเป็น Tourism Hub of ASEAN และในระหว่างการจัดงาน TTM+ 2024 นี้ ผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ กลุ่ม GMS จะได้หารือถึงโอกาสในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก ทางอากาศ ทางราง และทางน้ำ โดยปรับมาตรการให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้โดยสะดวก (Ease of Travelling) ควบคู่กับการร่วมกันพิจารณากิจกรรมด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคร่วมกัน

ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

Thailand Travel Mart Plus 2024

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา  รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 430 ราย ร่วมงานเปิดงาน ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท  พลัส 2024 (ทีทีเอ็มพลัส2024) ในวันที่ 5-7 มิ.ย. 2567 ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.พังงา โดยการจัดงานเทรดท่องเที่ยวในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและชายหาดที่สวยงาม โดยครั้งนี้ผู้ร่วมงานจำนวน 1,000 คน แยกเป็น ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ (ผู้ซื้อ) จำนวน 425 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 374 ราย หรือคิดเป็น 13.64%  โดยมีผู้ร่วมงานครั้งแรกคิดเป็น 44.5% ของสัดส่วนผู้ร่วมงานทั้งหมด

ททท.ชู TTM+ 2024 ดันไทยฮับอาเซียน  เปิดเจรจาขายเที่ยวไทย 1.5 หมื่นนัดหมาย

โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยว(ผู้ซื้อ) เข้าร่วม จำนวน 425 ราย  โดยตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ เข้าร่วมมากสุด ส่วนตลาดยุโรป จำนวน 107 ราย อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ จำนวน 89 ราย อเมริกา แอฟริกาและตะวันออกกลาง จำนวน 48 ราย  ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศ จำนวน 52 ราย มาจากภูมิภาคยุโรป จำนวน 107 ราย เอเชียตะวันออก จำนวน 129 ราย อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ จำนวน 89 ราย

ขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวไทย(ผู้ขาย) จำนวน 430 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 ราย แยกเป็น ผู้ประกอบการภาคใต้ จำนวน 247 ราย ภาคกลาง จำนวน 119 ราย ภาคตะวันออก จำนวน 41 ราย ภาคเหนือ จำนวน 18 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 ราย สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ จำนวน 115 ราย  แยกเป็นสื่อต่างประเทศ 71 ราย สื่อต่างประเทศในประเทศไทย 12 ราย และสื่อมวลชนไทย จำนวน 32 ราย ทั้งนี้ ตลาดเอเชียตะวันออก จำนวน 129 ราย อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ จำนวน 89 ราย รวม 218 ราย ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 60% ของผู้ร่วมงานทั้งหมด