นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าสิ่งที่ต้องผลักดันให้เข้มข้นมากขึ้น คือ การกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ซึ่งไทยเที่ยวไทยมีหลายระดับ การโปรโมทให้คนเที่ยวไทยมากๆ ก็จะได้ทั้งระบบตั้งแต่รายใหญ่และรายเล็กๆในพื้นที่ ถ้าเรามีโปรโมชั่น หรือแคมเปญที่กระตุ้นความต้องการให้คนเที่ยวในประเทศได้จริง
เงินสดในระบบมันจะหมุนได้มากขึ้น โดยททท.ต้องเข้าไปสนับสนุน ผมมองว่าถ้าเป็นโครงการคล้ายๆกับเราเที่ยวด้วยกัน ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรทำทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือโรงแรม 2 ดาว ก็มีสิทธิที่จะได้ใช้โปรโมชั่นนี้
การส่งเสริมไทยเที่ยวไทยจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีรายได้ในช่วงโลว์ซีซัน เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ เพราะในช่วงไฮซีซันเราอาจจะหวังนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ซึ่งการจะสนับสนุนในเรื่องของการเดินทาง ที่พัก จะเป็นในรูปแบบใด ที่คล้ายๆกับโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" หรือ โครงการ "คนละครึ่ง"
โดยผมคงต้องหารือกับทางผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก่อน ผมมองว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกันก็ดี แต่อาจมีข้อจำกัดสิทธิของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ดังนั้นการทำโครงการที่คล้ายกันอาจจะมีอะไรที่เพิ่ม หรือเสริมเข้าไป เพื่อให้เกิดการกระจายจริงๆ อาทิ การโปรโมตในสถานที่โฮมสเตย์ เพราะอย่างเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ อย่าง ญี่ปุ่น ก็ไปนอนเรียวกัง
ถ้าไทยเน้นเรื่องโฮมสเตย์เสริมเข้าไปในโครงการ ก็ต้องทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจเรื่องความสะอาด เรื่องของความปลอดภัยทำความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวให้ดีมากขึ้น
ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากความต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยประเทศ กลุ่มไทยเที่ยวไทย เพื่อให้เกิดการต่อเนื่องของการออกเดินทาง และการใช้จ่ายมากขึ้น ตามที่รมว.สรวงศ์ มีแนวคิดในการจัดทำโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง เบื้องต้นททท.ประเมินความพร้อม ถือว่าสามารถดำเนินการได้ทันที
เพราะเคยทำแล้วในช่วงที่ผ่านมา เป็นการใช้งานผ่านระบบของธนาคารกรุงไทย และแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง จึงสามารถดำเนินการต่อได้เลยหากมีความชัดเจนในส่วนของนโยบายอนุมัติลงมา
ส่วนในเรื่องแพลตฟอร์ม รูปแบบการลงทะเบียน หรือรูปแบบของโครงการ อาทิ จะเน้นให้เที่ยวเฉพาะวันธรรมดาอย่างเดียวหรือไม่ ช่วงเวลาในการเดินทางเป็นช่วงใด หากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางจำนวนมากอยู่แล้ว ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง
เพราะราคาโรงแรมที่พักจะสูงกว่าช่วงปกติ ซึ่งต้องประเมินในเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในโครงการด้วยว่ามีเป็นก้อนใหญ่มากน้อยเท่าใด รวมถึงจำนวนประชากรที่เข้าร่วมโครงการด้วย เพราะเดิมกำหนดให้คนไทย อายุ 18 ปี สามารถเข้าร่วมได้แบบไม่จำกัดอายุสูงสุด ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ที่อายุครบ 18 ปีแล้วจะมีมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ต้องพิจารณาทุกอย่างละเอียดและรอบคอบ เหมาะสมกับภาพสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหากมีนโยบายออกมาชัดเจนว่าจะดำเนินโครงการในรูปแบบใด ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน หรือคนละครึ่ง ก็พร้อมทำได้ทันที เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ให้นโยบายการทำงานหลักๆ มาแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นโครงการหรือเรื่องอะไรที่ดีอยู่แล้ว เราจะสานต่อให้ดีขึ้นไปอีก ส่วนโครงการที่ดีแต่จบไปแล้ว ก็จะนำกลับมาพิจารณาเพื่อกลับมาทำใหม่อีกครั้งก็ได้