ปิดดีลซื้อขายโรงแรม 12 แห่ง มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้าน

09 พ.ย. 2567 | 00:55 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2567 | 00:55 น.

โรงแรมไทยเนื้อหอม ปิดดีลซื้อขายโรงแรม 12 แห่ง ในเมืองท่องเที่ยวภูเก็ต กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สมุย รวมมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้าน คาดว่าตลอดทั้งปีนี้มูลค่าการซื้อขายอาจอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท สูงที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากถึงกว่า 26.08 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30.08%

โดยประเทศ 10 อันดับแรกที่เข้ามามากสุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย ลาว ไต้หวัน เวียดนาม ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา สร้างรายได้กว่า 1.21 ล้านล้านบาท 

ส่งให้ภาพรวมการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยยังคงคึกคัก เกิดการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยประมาณ 12 แห่ง จำนวน 3,199 ห้องพัก ด้วยมูลการซื้อขาย 16,778 ล้านบาท และทั้งหมดเป็นการซื้อขายในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต กรุงเทพฯ เชียงใหม่และสมุย 

อีกทั้งยังมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายอีกจำนวนมาก คาดการณ์ว่าทั้งปีนี้มูลค่าการซื้อขายอาจอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท สูงที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

“ตลาดโรงแรมไทยยังคงได้รับความสนใจสูงจากนักลงทุนทั้งในกลุ่มคนไทยด้วยกันเองและต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่พบว่ามีปิดดีลการซื้อขายโรงแรมอย่างคึกคัก และยังคงมองหาโรงแรมที่ราคาเหมาะแก่การลงทุนบนทำเลศักยภาพ โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา และ เชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อนำมาปรับปรุงและเปิดบริการอีกครั้งในอนาคต” นายภัทรชัยกล่าว

จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศ เห็นได้จากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนมาอยู่ที่ 73.61% ปรับตัวจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 4.32%

ทั้งยังพบว่าบางโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสูงกว่า 80% ซึ่งได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอินเดีย มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ และรัสเซีย เป็นต้น

สำหรับภาพรวมโรงแรมที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อคือ

  1. ผลตอบแทนจะต้องมากกว่า 6% ต่อปี
  2. อายุอาคารไม่ควรเกิน 15 ปี หรือต่ำกว่า 10 ปียิ่งน่าสนใจ
  3. จำนวนห้องพักควรมากกว่า 150 ห้อง

เนื่องจากจะคุ้มค่าเงินลงทุน เพราะหากซื้อมาแล้วต้องลงทุนรีโนเวตแล้วอัพเกรดขึ้น หรือมีการนำแบรนด์ของโรงแรมที่ดังอยู่แล้วหรือโรงแรมเชนหรือที่ในวงการเรียกกันว่า “Brand Affiliation” มาช่วยบริหารโรงแรม

สำหรับภาพรวมการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าซื้อขายรวม 120,904 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 12,090 ล้านบาท เฉพาะในปี 2560 และ 2561 มูลค่าซื้อขายสูงกว่าปีละกว่า 20,000 ล้านบาท

เพราะเป็นช่วงเวลาที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเติบโตก้าวกระโดด ส่งผลให้นักลงทุนชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจเข้าซื้อโรงแรมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา กระบี่ และเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวหลักที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง