ท่องเที่ยว Q4 ยังแกร่ง ผ่าแนวต้านบาทแข็ง สงครามอิหร่าน-อิสราเอล

จากกรณีการแข็งค่าของเงินบาท และสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลล่าสุด ภาคธุรกิจท่องเที่ยวมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันนี้ แต่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่องว่าสงครามจะขยายวงกว้างหรือไม่ ขณะที่บาทแข็งค่าทำให้สายการบินมีค่าใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศลดลง ขณะที่ทัวร์อินบาวด์ขาดทุนจากการโค้ดราคาขายล่วงหน้า

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ  ” ว่า   การแข็งค่าเงินบาทในระยะสั้นคาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย เพียงแต่จังหวะช่วงที่ค่าเงินบาทแข็ง ตรงกับเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งเป็นโลว์ซีซันยอดนักท่องเที่ยวก็ลดลงอยู่แล้ว

คนจึงอาจมองว่ามีผลกระทบ ซึ่งเงินบาทแข็งค่าไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ตัดสินใจที่จะเดินทางมาเที่ยว เพราะในทางปฏิบัติคนที่ตัดสินใจเดินทาง ก็เดินทางอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะส่งผลต่อการใช้จ่าย เมื่อเขาเดินทางมาไทย ที่อาจจะประหยัดการใช้จ่ายลงกว่าเดิมบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะมีผลต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตามผมก็ยังหวังว่าบาทแข็งค่าจะเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งคงต้องจับตาดูถึงนโยบายของธนาคารแห่งประเทศ ว่าจะมีมาตรการที่ทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพขึ้นได้อย่างไร เพราะทางสหรัฐอเมริกาคงไม่ได้ลดดอกเบี้ยรอบเดียว ผมว่าน่าจะมีอีกรอบ แล้วถ้าไทยไม่ได้เตรียมตัวอะไร ก็อาจจะกระทบกระเทือน ได้ในรอบที่ 2

แต่ในแง่ของการท่องเที่ยวด้วยความที่ใกล้สู่ช่วงไฮซีซันแล้ว ผมมองว่าเราจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าอเมริกามีรอบ 2 แล้วไปเกิดในช่วงโลว์ซีซันปีหน้า ถ้าเราไม่มีนโยบายอะไรที่มาทำให้ค่าเงินบาทสมดุลหรือมีเสถียรกว่านี้ ก็จะลำบาก

ส่วนในเรื่องสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล เมื่อดูจากสถานการณ์วันนี้ ถ้าไม่มีการขยายวงกว้าง ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะแม้จะมีสงครามแต่เราก็ยังคงเห็นคนอิสราเอลเดินทางมาเที่ยวไทยอยู่

การแข็งค่าของเงินบาทและสงครามที่เกิดขึ้นล่าสุด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางมาเที่ยวไทย แต่บาทแข็งค่าก็อาจจะมีผลบ้างสำหรับโรงแรมใหญ่ ที่มีการโค้ดราคาขายไปกับเอเย่นต์จากต่างประเทศโดยตรง ที่ได้ราคาที่ลดลง แต่ก็คงไม่ถึง 10% และด้วยมูลค่าไม่สูงมาก ก็ไม่น่ามีปัญหา ไม่เหมือนกับบริษํทส่งออก ที่จะได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่ามากกว่า

ขณะเดียวกันไทยกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันแล้ว ก็ยังเห็นยอดการจองเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจองผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก รวมถึงในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป จะเห็นสายการบินกลับมาเปิดเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้น เพื่อรองรับไฮซีซันนี้ ทั้งเส้นทางบินจากยุโรปและเอเชีย

เมื่อดูจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาช่วงก่อนหน้านี้ ก็มองว่าเป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยในปีนี้ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ 36 ล้านคนน่าจะเป็นไปตามเป้า แต่ในแง่ของรายได้ ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากมีหลายปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ที่อาจส่งผลต่อการใช้จ่าย

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ส่วนใหญ่มีการจองล่วงหน้า

แต่ก็ยังต้องจับตามองช่วง 2 เดือนหลังจากนี้ ลากยาวไปถึงปีหน้าว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนัยะสำคัญ เราเชื่อมั่นว่าท่องเที่ยวไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโต และเงินบาทที่แข็งค่า เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่ต้องพิจารณา

ขณะเดียวกันเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจส่งผลดีต่อผู้ประกอบการบางราย เช่น ลดต้นทุนการนำเข้า แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังประเทศไทย

สำหรับสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบที่ส่งผลต่อธุรกิจการบินของไทยในวงกว้างมากนัก แต่ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับแผนการดำเนินงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสาร

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่าการดำเนินธุรกิจของการบินไทย ยังคงมีทิศทางบวกต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันจะมีปัจจัยในเรื่องของบาทแข็งค่าและสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งการสู้รบในภูมิภาคตะวันออกกลาง การบินไทยก็ไม่มีเที่ยวบินในตะวันออกกลาง

การบินไทยมีเส้นทางบินใกล้ที่สุดคือ ตรุกี และปากีสถาน เส้นทางส่วนใหญ่จะบินข้ามไปยุโรปเลย บินสูงกว่า 3 หมื่นฟุตขึ้นไป และไม่มีบินที่ใกล้อิหร่าน  จึงไม่มีผลกระทบในเรื่องนี้ โดยผู้โดยสารยุโรป ยังคงเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีอัตราการบรรทุกเฉลี่ยสูงถึง 80% ในส่วนของตลาดอิสราเอล ก่อนหน้านี้ที่มีการสู้รบกับปาเลสไตล์ ที่ผ่านมามีเพียงกระทบช่วงแรก จากนั้นก็ปกติ ดังนั้นการสู้รบล่าสุดระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล ก็มีผลไม่ต่างกัน

สำหรับบาทแข็งค่า แม้การบินไทยจะมีรายได้เป็นเงินสกุลเงินตราต่างประเทศ แต่ไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ อาทิ ค่าเช่าเครื่องบิน ค่าน้ำมัน การแข็งค่าของเงินบาท โดยรวมจึงไม่เป็นปัญหา

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าททท.ได้ติดตามสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง อย่างใกล้ชิด ถ้าเหตุการณ์สงครามไม่ขยายวงกว้างก็ไม่น่าจะมีผลกระทบ เพราะตราบใดถ้าเที่ยวบินยังคงเป็นปกติ ก็สามารถเดินทางได้

ประกอบกับใกล้จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันแล้ว ซึ่งสายการบินต่างๆ ขอเปิดเที่ยวบินจากยุโรปเข้าไทยในช่วงตารางบินฤดูหนาว(ปี 2024-2025) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ  อาทิ ITA เปิดบินโรม-กรุงเทพฯ เริ่มวันที่ 16 พ.ย.นี้ การบินไทย เปิดบิน กรุงเทพฯ-บรัสเซล เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ Saudia เปิดบินเจดดาห์-ภูเก็ต เริ่ม 2 ธ.ค.นี้

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ยังมีทิศทางบวก โดยจะเห็นชัดเจนว่าสายการบินเปิดเส้นทางและเที่ยวบินใหม่เข้าไทยเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะเส้นทางบินตรงใหม่ ในพื้นที่ศักยภาพของจีน อย่างซีอาน กว่า 1 แสนที่นั่ง ฉางซา 9.9 หมื่นที่นั่ง เฉินตู 8.4 หมื่นที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางและแอฟริกา เพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วย

การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ มีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 36.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% สูงกว่าเป้าหมายที่ททท.วางไว้ที่ 35.05 ล้านคน ส่วนไทยเที่ยวไทยอยู่ที่ 198 ล้านคน-ครั้ง จากเป้าหมาย 200 ล้านคน-ครั้ง สร้าง รายได้รวมอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านบาท จากเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาท

ขณะที่นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์  เลขาสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทราว 1 เดือนกว่า ซึ่งแข็งขึ้น 12% มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการทัวร์อินบาวด์  (บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย)โดยตรง เนื่องจากเงินที่เก็บได้ตอนนี้ ถูกโค้ดราคาล่วงหน้าไปก่อน 2 เดือน ทำให้ส่วนใหญ่ขาดทุนจากการตั้งราคา

ขณะที่ค่าเงินแข็ง ช่วงนี้เริ่มมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวปลายปีที่กำลังตัดสินใจ ซึ่งเดือนตุลาคมปีนี้ จากการสอบถาม จากโรงแรม พบว่า booking ลดลงจากกันยายน ซึ่งปกติควรจะดีขึ้น โดยผลกระทบที่คาด +- 5% จากค่าเงิน

สำหรับข้อเสนอแนะ ผมเสนอว่าภาครัฐควรมีมาตการเฝ้าระวัง หรือ Tourism Risk Management คือ สิ่งที่ต้องเร่งทำเป็นการด่วน จากเหตุปัจจัยด้าน สงครามภูมิภาค , เศรษฐกิจผันผวน และ ธรรมชาติที่แปรปรวน ล้วนมีผลต่อการท่องเที่ยวทั้งสิ้น ดังนั้น การทำระบบ Tourism Risk Management ที่ต้องมีตัวแทนภาคเอกชนจากองค์กรหลักมาร่วมทำงานจึงสำคัญและเร่งด่วน

รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นตลาดล่วงหน้า 3,6,12 เดือน รองรับความผันผัวน และ ความเสี่ยงในอนาคต มาตรการ Incentive สำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ MICE ที่ดึงให้อยู่นานขึ้น จ่ายมากขึ้น จากการเดินทางท่องเที่ยวต่อในพื้นที่ต่างจากการจัดงาน การเสริมความเข้มแข็งผู้ประกอบไทยในด้าน เทคโนโลยี และ ทักษะต่าง ๆ และมาตรการ ภาษี สนับสนุนจ้างงานวัยเกษียณที่มีทักษะ เพื่อรองรับ สังคมสูงวัย และประชากรลดลงในภาวะแรงงานขาดแคลน