AOT ชงสธ.ไฟเขียวเปิดห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ยันสนามบินชั้นนำทั่วโลกก็มี

06 ก.พ. 2568 | 10:45 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.พ. 2568 | 13:07 น.

AOT ชงกระทรวงสาธารณสุข เปิดให้บริการห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ยันช่วยยกระดับการเดินทางสากล ป้องกันอันตรายจากระบบอัคคีภัย ไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้โดยสารที่ต้องรอต่อเครื่องนาน เผยสนามบินชั้นนำอื่นทั่วโลกก็มีเช่นกัน

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวกรณีที่ AOT เสนอขอให้พิจารณาอนุญาตให้มีการเปิดห้องสูบบุหรี่ภายในท่าอากาศยาน นั้น เป็นผลมาจากมีการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการสนามบินโดยเฉพาะผู้โดยสารต่อเครื่อง (Connecting Flight) ที่ต้องใช้เวลารอเปลี่ยนเที่ยวบินเป็นเวลานาน

ห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน

รวมทั้งมีการตรวจพบการลักลอบสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ เช่น ในห้องสุขา เป็นต้น หรือการมีผู้โดยสารที่ยินยอมเสียค่าปรับตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 เพียงเพื่อที่จะสูบบุหรี่ได้ ซึ่งส่งผลต่อผู้โดยสารที่ไม่สูบบุหรี่ และกระทบกับคุณภาพอากาศโดยรวมของอาคารภายในท่าอากาศยาน รวมทั้งอาจมีเหตุระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ทำงาน

เนื่องจากตรวจพบควันบุหรี่ จึงมีการร้องเรียนและแจ้งความประสงค์ให้ AOT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดห้องสูบบุหรี่ให้บริการในอาคารผู้โดยสาร ดังนั้น ในส่วนของ AOT ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

AOT ชงสธ.ไฟเขียวเปิดห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน  ยันสนามบินชั้นนำทั่วโลกก็มี

โดยอยู่ระหว่างการขอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวง ให้ท่าอากาศยานนานาชาติสามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารได้ ซึ่งจะเป็นการยกระดับประสบการณ์การเดินทางแบบสากล ลดปัญหาด้านสุขภาพของผู้โดยสารจากการสูดกลิ่นควันบุหรี่ ซึ่งมีโอกาสที่อาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว 

รวมทั้งยังอาจเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางแบบ Connecting Flight ซึ่งไม่สามารถออกไปนอกอาคารของท่าอากาศยานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง และยังเป็นการรับประกันความปลอดภัยทางสุขภาพให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการท่าอากาศยาน และลดความเสี่ยงด้านอันตรายจากอัคคีภัย

AOT ได้มีหนังสือนำเรียนอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) เพื่อขอแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทำงาน และยานพาหนะ ให้ส่วนหนึ่งส่วนใด

หรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะเป็นเขตปลอดบุหรี่ หรือเขตสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ พ.ศ. 2561 เพื่อให้ท่าอากาศยานสามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารเป็นเขตสูบบุหรี่ ในเขตปลอดบุหรี่ได้

ต่อมาคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ ของกรมควบคุมโรคได้ขอให้ AOT เข้าให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง

AOT ได้มีการชี้แจงถึงปัญหาข้อขัดข้องจากกรณีที่ท่าอากาศยานไม่สามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของ คผยช. กรมควบคุมโรค

โดยที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลที่ AOT ชี้แจงถึงปัญหาข้อขัดข้องจากกรณีที่ท่าอากาศยานไม่สามารถ จัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารแล้ว และมีการพิจารณาสอบถามถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ผู้แทนกรมควบคุมโรคได้มีการเยี่ยมชมพื้นที่ของ ทสภ. และได้แนะนำพื้นที่ที่สามารถจัดให้เป็นห้องสูบบุหรี่ ในอาคารผู้โดยสารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 รวมทั้งรับทราบถึงปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับกรณีที่ไม่สามารถ จัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายนอกอาคารแล้ว

ทั้งนี้ AOT มีความมุ่งมั่นพัฒนาในการเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก และต้องการยกระดับการเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนให้ท่าอากาศยานของ AOT ติดอันดับท่าอากาศยานที่ดีที่สุดอันดับต้นของโลก

AOT มีความต้องการให้ผู้มาใช้บริการได้รับบริการที่รวดเร็ว สะดวกสบาย ตรงตามความต้องการ และมีความประทับใจในการรับบริการ ซึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ดังกล่าวที่กำหนดให้ท่าอากาศยานสามารถจัดให้มีเขตสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะได้ แต่ในพื้นที่นอกอาคารเท่านั้น อาจไม่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มาใช้บริการที่ท่าอากาศยานของ AOT ที่มีความหลากหลาย

รวมทั้งไม่สอดคล้องกับการให้บริการของท่าอากาศยานชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกที่มีการจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารของท่าอากาศยานด้วย เช่น ท่าอากาศยานชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ ท่าอากาศยานอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี ท่าอากาศยานนาริตะ และท่าอากาศยานฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ท่าอากาศยานอิสตันบูล สาธารณรัฐทูร์เคีย เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในอดีตในสนามบินเคยจัดให้มีบริการห้องสูบบุหรี่ภายในสนามบิน แต่ถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2562 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถสูบบุหรี่ภายในสนามบินได้ การจะสูบต้องออกไปสูบนอกอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการนิโคติน โดยเฉพาะผู้โดยสารที่ต้องใช้เวลาในการต่อเครื่องบินเป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง