ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” ประจำจังหวัดเชียงราย รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา นายภาสกร บุญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทย-ลาว จังหวัดเชียงราย (วาระพิเศษ) และเห็นชอบเรื่องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 7 จุด ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนไทย-ลาว คืออำเภอเชียงแสน, เชียงของ, เวียงแก่น และอำเภอเทิง
โดยทางปกครองจังหวัดเชียงรายได้มีการประสานเพื่อเตรียมการประชุมหารือถึงความพร้อม ในการเปิดจุดผ่อนปรนการค้า โดยจะจัดให้มีการประชุมหารือ ณ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายจะได้เสนอให้แขวงบ่อแก้ว พิจารณาเปิดจุดตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนการค้าและด่านพรมแดนไทย-ลาว ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย จำนวน 7 จุด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายภาสกร บุญญลักษม์ ยังได้เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ ขณะไปร่วมรายการพัฒนาเชียงรายตามนโยบายผู้ว่าฯ ทางสถานีวิทยุ สวท.เชียงราย 95.75 MHz. จังหวัดเชียงรายได้สอบถามอย่างไม่เป็นทางการไปยังแขวงบ่อแก้ว ทราบว่ารัฐบาลกลาง สปป.ลาวมีนโยบายให้เปิดจุดผ่อนปรนทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านได้ทุกจุด จังหวัดเชียงรายจึงจะได้ประชุมร่วมกับทางแขวงบ่อแก้วอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ผมได้มอบหมายให้นายอำเภอ 4 อำเภอชายแดนไทย-ลาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย คือ อำเภอเชียงแสน เชียงของ เทิง และเวียงแก่น ให้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าจะมีมาตรการอย่างไรบ้าง กับการเปิดจุดผ่อนปรนการค้า อาทิ หากมีคนลาวเดินทางผ่านจุดผ่อนปรนการค้าเข้ามา จะให้เข้ามาได้ลึกกี่กิโลเมตร เช่นเดียวกันหากคนไทยเดินทางผ่านจุดผ่อนปรนการค้า จะเข้าไปใน สปป.ลาว จะสามารถเข้าไปได้ลึกกี่กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอชายแดนกำลังประสานงาน และหารือกันอยู่ ซึ่งเมื่อทางอำเภอตกผลึกชัดเจนแล้วว่า จุดผ่อนปรนใดมีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเรื่องของการเข้าออกอย่างไร ก็จะรายงานมาให้จังหวัดทราบ แต่เบื้องต้นผมคาดการณ์ว่า การเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าชาย แดนไทย-ลาวในพื้นที่จังหวัดเชียงรายจะสามารถเปิดได้ทุกจุดภายในเดือนนี้” นายภาสกร กล่าว
ช่วงนี้จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนวันธรรมดาเองก็มีนักธุรกิจจากพื้นที่ต่างๆ เดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าที่จังหวัดเชียงรายเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ซึ่งจังหวัดเชียงรายหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าแม้ว่าจุดประสงค์หลักจะเป็นการเปิดเพื่อให้ประชาชน 2 ชาติได้ทำการค้าระหว่างกันและกันแล้ว ยังอาจจะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายและแขวงบ่อแก้วอีกด้วย
ส่วนความคืบหน้า เรื่องการเปิดจุดผ่านแดนไทย-เมียนมา ให้คนเดินข้ามไปมาหาสู่กันได้นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตอบสั้นๆ เพียงว่า จังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะเปิดด่านถาวรและจุดผ่อนปรนทางการค้ากับเมียนมาอยู่แล้ว เพียงแต่ติดขัดตรงที่รัฐบาลกลางของเมียนมา ยังไม่อนุญาตให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนทางการค้าเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามจากการประสานงานกันกับทางจังหวัดท่าขี้เหล็กอย่างไม่เป็นทางการทราบว่า จังหวัดท่าขี้เหล็กก็มีความต้องการเปิดให้ประชาชนสามารถเดินทางไปมาหาสู้กันได้ตามปกติเสียที แต่เมื่อทางเมียนมา เขายังไม่พร้อมก็ต้องรอต้องลุ้นกันต่อไป
ทั้งนี้ การประชุมร่วมระหว่างจังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้ว ณ ห้องประชุมด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 อำเภอเชียงของ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 จังหวัดเชียงรายเสนอต่อที่ประชุมว่า มีความพร้อมที่จะเปิดจุดผ่อนปรนการค้าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้วทั้งหมดทั้ง 7 จุด แต่ทางแขวงบ่อแก้วได้แจ้งว่า ยังไม่มีความพร้อมในหลายจุด เบื้องต้นจึงขอเปิดแค่ 3 จุดคือ
1. จุดผ่อนปรนการค้าเมืองต้นผึ้ง ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอเชียงแสน คนลาวสามารถนำสินค้าเข้ามาขาย และซื้อสินค้าจากฝั่งไทยออกไปผ่านท่าเรือข้ามฟากไทย-ลาว ใกล้กับที่ว่าการอำเภอเชียงแสน
2. จุดผ่อนปรนท่าเรือขอนแก้ว คนลาวสามารถนำสินค้าเข้ามาขาย และซื้อสินค้าออกไปผ่านจุดผ่อนปรนการค้าท่าเรือบั๊ก ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ และ
3. จุดผ่อนปรนบ้านท่าด่าน คนลาวนำสินค้าเข้ามาขาย และซื้อสินค้าออกไปที่จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแจมป๋อง ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น
ทั้งนี้ หากว่าจุดอื่นๆ มีความพร้อมแล้ว แขวงบ่อแก้วจะได้แจ้งประสานกับทางจังหวัดเชียงรายต่อไป
ชัยณรงค์ สีนาเมือง/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,822 วันที่ 29 กันยายน-1 ตุลาคม พ.ศ,2565