สต็อกปุ๋ย 1.5 ล้านตันมีเพียงพอ “พาณิชย์”ยังคุมเข้มราคาต่อเนื่อง

06 ต.ค. 2565 | 19:00 น.

พาณิชย์ ยันสต็อกปุ๋ย 1.5 ล้านตันมีเพียงพอ ย้ำแม้ราคาปุ๋ยจะลดลงต่อเนื่องแต่ยังคุมเข้มเรื่องราคาหวั่นร้านค้าฉวยโอกาสกับเกษตรกร ขู่หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยสถานการณ์ปุ๋ยเคมีซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญสำหรับเกษตรกรทั่วประเทศว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาปุ๋ยเคมีทั่วโลก รวมทั้งไทยซึ่งต้องนำเข้าแม่ปุ๋ยและปุ๋ยเคมีเกือบ 100% เห็นได้จากปริมาณสต็อกปุ๋ยเคมีของผู้ผลิต/ผู้นำเข้าในช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) มีปริมาณสต็อกปุ๋ยเคมี 0.91 ล้านตัน น้อยกว่าสต็อกในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง20%

นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน

อย่างไรก็ตาม หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับโครงสร้างราคาปุ๋ยเคมี ให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้าสามารถนำเข้าปุ๋ยเคมีมาได้ โดยที่ลดส่วนเหลื่อมกำไรลง ทำให้มีการนำเข้าปุ๋ยเคมีมากขึ้น

 

 

 

โดยกรมฯและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกันเชื่อมโยงให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้าได้นำเข้าปุ๋ยจากแหล่งสำคัญ เช่น ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้ดำเนินการแล้ว นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาระยะสั้น ยังทำให้มีการจับคู่ซื้อขายระหว่างกันในระยะยาวด้วย

สต็อกปุ๋ย 1.5 ล้านตันมีเพียงพอ “พาณิชย์”ยังคุมเข้มราคาต่อเนื่อง

 ทั้งนี้ ปริมาณสต็อกปุ๋ยเคมีของผู้ผลิต/ผู้นำเข้าทุกรายรวมกัน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ 1.50 ล้านตัน มากกว่าปริมาณสต็อกในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 และเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ปริมาณสต็อกเพิ่มขึ้นถึง 66% ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกของเกษตรกร ดังนั้นจึงถือได้ว่าปัญหาด้านปริมาณได้ผ่อนคลายลงแล้ว

สต็อกปุ๋ย 1.5 ล้านตันมีเพียงพอ “พาณิชย์”ยังคุมเข้มราคาต่อเนื่อง

 ส่วนราคาปุ๋ยเคมีขณะนี้ได้ปรับลดลงมาแล้ว ตามสถานการณ์ราคาและความต้องการปุ๋ยเคมีในตลาดโลกที่ลดลงในช่วงนี้ ประกอบกับปริมาณปุ๋ยเคมีในประเทศที่มีเพียงพอทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้ผลิต/ผู้นำเข้าของไทยแต่ละราย อาทิ ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ที่ราคาได้ปรับลดลงมาประมาณ 15-20%

“ต้องยอมรับว่าราคาปุ๋ยเคมียังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ที่สถานการณ์ราคาเป็นเช่นนี้ทั่วโลกเพราะปุ๋ยเคมีสูตรสำคัญๆ หลายสูตรผลิตมาจากสารแอมโมเนีย (NH3) ที่ทำจากก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอน เช่น ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) และปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) เป็นต้น โดยราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมากจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้นและการจำกัดการรับซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียของประเทศตะวันตก จะเห็นได้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เฉลี่ยในปี 2563 อยู่ที่ 4.33 ดอลล่า/ล้านบีทียู ในปี 2564 ปรับสูงขึ้นเป็น 18.46 ดอลล่า/ล้านบีทียู และในปี 2565 เฉลี่ย 7 เดือนแรก ปรับสูงขึ้นเป็น 30.72 ดอลล่า/ล้านบีทียู นอกจากนี้ต้นทุนการขนส่งและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่ง”

สต็อกปุ๋ย 1.5 ล้านตันมีเพียงพอ “พาณิชย์”ยังคุมเข้มราคาต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อรักษาความเป็นธรรมด้านราคาให้เกษตรกรและป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายในราคาแพงเกินสมควร กรมฯได้ขอให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศลงพื้นที่สืบราคาและรายงานราคาจำหน่ายปลีกปุ๋ยเคมีให้กรมฯ ทราบเป็นประจำทุกสัปดาห์ และขอความร่วมมือให้สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ร่วมสอดส่องดูแลและกำชับไปยังตัวแทนจำหน่ายให้ขายปุ๋ยเคมีในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน ห้ามฉวยโอกาสขายในราคาแพงเกินสมควร ทั้งนี้ หากพบการฉวยโอกาส นอกจากจะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับแล้ว ยังจะถูกเพิกถอนหรือระงับการเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือพบการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งหรือร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด