นายจารึก กมลอินทร์ ประธานคณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” กล่าวว่า “ข้าว” เป็นพืชที่มีความสำคัญกับสังคมไทยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การทำนาเป็นอาชีพเกษตรกรรมส่วนใหญ่ของประชากรในประเทศ ประมาณ 4.6 ล้านครัวเรือน สามารถผลิตข้าวได้ปีละกว่า 30 ล้านตันข้าวเปลือก ดังนั้น อาชีพชาวนาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ และถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าข้าวคุณภาพดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่ผลผลิตเฉลี่ยข้าว ยังมีผลผลิตต่อไร่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ผลผลิตเฉลี่ยเพียง 353 กิโลกรัมต่อไร่ สาเหตุหนึ่งมาจากการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้เองหลายรอบซึ่งมีคุณภาพต่ำ การที่จะปลูกข้าวให้ได้ผลดีมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งคุณภาพของดิน ปริมาณน้ำ และเทคโนโลยี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เมล็ดพันธุ์ดีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชและได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด
ปีนี้ ทาง นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จัดงบ กว่า 1,001 ล้านบาทในโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธ์ข้าว ปี 2566 เป็นแผนการดำเนินงานโครงการนี้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งในปีแรก มีเป้าหมายการดำเนินการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี จำนวน 58,700 ตัน จะเป็นการส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึงและได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ
“มีพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข15 ,ข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง ,ข้าวเจ้าไวต่อช่วงแสง ,ข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง,ข้าวเหนียวไวต่อช่วงแสง และข้าวหอมปทุม ในราคาพิเศษ ที่เหลือเพียง 3-5 บาท/กิโลกรัม จากราคาลดพิเศษ ปกติที่กรมการข้าวประกาศขาย 16-25 บาท/กิโลกรัม"
ดังนั้นเกษตรกรชาวนาคนไหนสนใจ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชุมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามที่ประกาศ ช้าอด หมดสิทธิ์ แต่ถ้าปีนี้ในส่วนของเกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการในปีนี้ กรมการข้าวมีแผนการดำเนินงานโครงการนี้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี