ธุรกิจแม่สอดลุ้นอีกรอบ หวังเมียนมาเปิดด่านรับคนสัญจรไปมารับปี 2566 หลังเห็นเจ้าหน้าที่เมียนมาปัดกวาดสำนักงาน ทาสีสะพาน เตรียมพร้อมแล้ว เติมความคึกคักจากนักท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา กลับมาเติบโตคึกคัก ตัวเลขการส่งออกของไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน ตามปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2563-ก.ย.2565) ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทะลุ 130,000 โดยผ่านด่านศุลกากรแม่สอด-เมียวดี และตามท่าเรือ-ท่าข้ามขนส่งสินค้า เป็นอันดับหนึ่ง และตัวเลขการส่งออกข้างต้น นับเป็นตัวเลขสูงที่สุด นับแต่มีการเปิดด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี
นายเชาวน์ ตะกรุดเงิน นายด่านศุลกากรแม่สอด แจ้งว่า สินค้าส่งออกไปเมียนมา ผ่านด่านแม่สอด-เมียวดี อันดับ 1 คือเม็ดพลาสติก อันดับ 2 คือ โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์โทรศัพท์ และอันดับ 3 น้ำมันเชื้อเพลิง (โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล) เพราะเมียนมามีความต้องการสินค้า อันดับ ที่ 1- 3 อย่างมาก โดยมูลค่าสินค้าชายแดนดังกล่าว ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 มีสัดส่วนจำนวน 52% และอีก 48% ผ่านตามท่าเรือ-ท่าข้ามขนส่งสินค้าตามลำน้ำเมย
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก และนักธุรกิจรายใหญ่ พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า มูลค่าการค้าชายแดนที่เพิ่มสูงขึ้นทะลุ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นการค้าชายแดนผ่านแดน นักธุรกิจ-ผู้ประกอบการหันนำมาส่งออกด่านแม่สอด
เนื่องจากท่าเรือย่างกุ้งไม่สะดวก จึงมาออกทางด่านพรมแดนแม่สอด ตามเส้นทางรถยนต์ เพราะแม่สอดมีศักยภาพสูง และ
ตนเองยังอยากจะให้ตัวเลขการค้าในระดับท้องถิ่น การจับจ่ายซื้อขายสินค้าระหว่างเมืองแม่สอด-เมียวดีกระเตื้องขึ้นต่อเนื่องไปอีก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ด้านผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์การก่อสร้างชายแดนรายหนึ่ง กล่าวว่า ปริมาณสินค้า จะเริ่มส่งออกดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจโครงการก่อสร้างในจังหวัดเมียวดีของเมียนมา มีการเติบโตขึ้นรวดเร็ว โดยมีการก่อสร้างตึกสูงและอาคารพาณิชย์จากกลุ่มทุนจีน มีคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมหาศาล ทำให้ผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้างในอ.แม่สอด จ.ตาก ต้องเร่งเพิ่มกำลังผลิต เพื่อส่งออกไปเมียนมา
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ของทางการเมียนมา ทั้งฝ่ายทหาร-ตำรวจ-ด่านตรวจคนเข้าเมือง-ศุลกากร ในพื้นที่เมืองเมียวดี รวมทั้งภาคธุรกิจเอกชนเมียวดี สหภาพเมียนมา ได้ร่วมกันเดินทางมาลงพื้นที่ตรวจดูสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 1 ในฝั่งจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตากด้วย
โดยฝ่ายเมียนมาให้เจ้าหน้าที่มาทาสี เก็บกวาดและตกแต่งทัศนียภาพ บริเวณสะพานมิตรภาพฯ 1 ฝั่งจังหวัดเมียวดี และมีการจัดเตรียมเอกสาร เครื่องมือเครื่องใช้สำนักงาน ระบบคอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด ฯลฯ การลงพื้นที่ของฝ่ายเมียนมา ครั้งนี้เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับด่านพรมแดน 1 ในฝั่งไทย ที่กำหนดจะทำความสะอาดครั้งใหญ่ (BIG CLEANING DAY) ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 นี้ด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวของทางการสองประเทศดังกล่าว ทำให้ชาวแม่สอดคาดหมายกันว่า น่าจะเป็นการเตรียมความพร้อม รับการกลับมาเปิดด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 1 ให้คนสัญจรข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศตามปกติอีกครั้ง ที่คาดว่าอาจจะเปิดในช่วงต้อนรับปีใหม่ 2566 นี้
หลังจากปิดด่านห้ามคนเข้า-ออกมานาน 3 ปี ในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังหนักและรุนแรงเมื่อโควิด-19 เบาบางลง และเพื่อเป็นการฉลองปีใหม่ 2566 หรือการเข้าสู่ คศ. 2023 จึงอาจมีการเปิดพรมแดนด่าน 1 แม่สอด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าการท่องเที่ยวชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ หลังโควิด-19 คลี่คลาย ฝั่งไทยประกาศเปิดด่านพรมแดนให้คนสัญจรเข้าออกได้ ตั้งแต่ 5 พ.ค. 2565 แต่เมื่อถึงกำหนดด่านฝั่งเมืองเมียวดียังไม่เปิด เนื่องจากทางการเมียนมายังไม่พร้อม สร้างความผิดหวังให้พ่อค้า-แม่ค้าชายแดน ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่หวังจะข้ามแดนเข้าเมียนมา และเฝ้ารอเมียนมาเปิดด่านตลอดมา จนมีความหวังอีกครั้งเมื่อเห็นการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่เมียนมาที่ด่านดังกล่าว
อัศวิน พินิจวงษ์/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,847 วันที่ 25 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565