ตรังบุกตรวจสต็อกปาล์มทะลักโรงงานเดินเครื่อง24ชม.ยังสกัดไม่ทัน

จากความปั่นป่วนวงการปาล์ม เมื่อลานเทหยุดรับซื้อทะลายปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร เนื่องจากมีผลผลิตทะลักตลาดจำนวนมากจนโรงงานสกัดไม่ทัน รถบรรทุกจากลานเทต้องเข้าคิวรอเข้าโรงงานจำนวนมาก และบ้างครั้งใช้เวลาถึง 2-3 วัน จึงกดราคารับซื้อลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงผลปาล์มเสียหายจากการรอส่งเข้าโรงงานนั้น ทำให้ราคารับซื้อลานเทเหลือกก.ละ 3.40 -3.50 บาท ต่างค่อนข้างมากกับโรงงาน ที่รับซื้อในราคากก.ละ 4.60 -4.70 บาท

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดคณะทำงานตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัดตรัง ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากพาณิชย์จังหวัดตรัง โดยนางทิพยรัตน์ สมทอง ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เกษตรจังหวัดตรัง และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร ภายในโรงงานต่าง ๆ ทั้ง  5 แห่งของจังหวัดตรัง   

พร้อมทั้งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือทั้งระบบของจังหวัดตรัง ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทั้ง 5 แห่งดังกล่าว ประกอบด้วย บริษัท พารากอนอกรีเทค จำกัด,บริษัท ตรังน้ำมันปาล์ม จำกัด,บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ,บริษัท เอส.พี.โอ อะโกร จำกัด และบริษัท พิทักษ์ปาล์มออยล์ จำกัด 

 

ทั้งนี้ พบว่าแต่ละโรงงานมีรถบรรทุกขนผลผลิตปาล์มมาจอดรอ ทั้งภายในโรงงานและภายนอกโรงงาน เป็นจำนวนมาก รวมหลายร้อยคัน และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าวันก่อน ๆ   แต่เป็นรถบรรทุกของลานเทรับซื้อปาล์มทั้งหมด ทั้งจากลานเทภายในจังหวัดตรัง และจังหวัดใกล้เคียง ที่โรงงานเคยส่งประจำปิดการรับซื้อ  แต่หากเป็นรถยนต์กระบะของเกษตรกรโดยตรง ทุกโรงงานจะอนุญาตให้เข้าไปชั่งน้ำหนักขายได้ในทันที ไม่ต้องจอดรอคิว

ขณะที่ภายในโรงงานทั้ง 5 แห่ง พบว่าพนักงานต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในการสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อเร่งระบายผลผลิตปาล์มน้ำมันที่รถกำลังจอดรอ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบัญชีการรับซื้อผลผลิต และบัญชีการผลิตของโรงงาน เพื่อตรวจสอบสถานการณ์  และทำการตรวจสต็อกปริมาณน้ำมันปาล์มคงเหลือภายในถังน้ำมันต่าง  ๆ ของโรงงาน  ส่วนราคาการรับซื้อผลปาล์มดิบลดลงอีก  ล่าสุด วานนี้ (11 ม.ค.2566) หน้าโรงงานรับซื้อกก.ละ 4.20 -4.60 บาท

นางทิพยรัตน์ สมทอง ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง  กล่าวว่า  นำคณะทำงานตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบระดับจังหวัดตรัง มาตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์ม และตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมันของโรงงานจากเกษตรกร ซึ่งเป็นการตรวจติดตามเป็นครั้ง 2 หลังมีข่าวปริมาณปาล์มล้นโรงงาน และตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มประจำสัปดาห์ 

 

โดยสต็อกนำมันปาล์มจะมีการตรวจประจำทุกสัปดาห์   พบว่าแต่ละโรงงานมีกำลังการผลิต ในการสกัดน้ำมันปาล์ม โรงละ 800 -900 ตันต่อวัน หรือ 24 ชม. แต่ปริมาณปาล์มเข้าสู่โรงงานวันละกว่า 1,000 ตันต่อโรง บางโรงก็ 1,200 -1,300 ตัน  จึงทำให้มีปริมาณปาล์มล้นเกินกำลังการผลิตจริง โดยมีรถจอดติดคิวหน้าโรงงานใหญ่ ๆ 3 โรง ประมาณโรงละ  40 พ่วง ก็ต้องใช้เวลาประมาณ   2-3 วันจะได้เข้าไป 

จึงขอให้เกษตรกรชะลอการตัด หรือยืดเวลาการตัดออกไป เพราะว่าหากตัดเข้ามาพร้อมกัน ก็ต้องค้างหลายวันทำให้คุณภาพปาล์มก็ลดลง    ส่วนปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มทั้งระบบในจ.ตรัง ซึ่งมีการตรวจทุกสัปดาห์พบว่า ปริมาณน้ำมันในสต็อกรวมกันทั้ง 5 โรง มีประมาณ 8,000 -10,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณสต็อกปกติ ไม่มีการเกินแต่อย่างใด 

ด้านนายอภิชาติ  โสภณมงคลกุล หัวหน้าแผนกจัดซื้อวัตถุดิบ  บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  ปัญหาปริมาณผลผลิตปาล์มเกินกำลังการผลิตของโรงงาน เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี  สาเหตุเกิดจากช่วงเทศกาลปีใหม่มีวันหยุดยาว และมีโรงงานหลายแห่งหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมเครื่องจักร พอหลังเปิดปีใหม่มากำลังการผลิตของแต่ละโรงงานและของแต่ละจังหวัด ยังได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ที่หยุดไปหลายโรง ส่วนที่ตรังซ่อมแซมและเปิดล่าช้า 1 โรง แต่ตอนนี้ตรังเดินเครื่องปกติทุกโรง ประกอบกับหลังปีใหม่เกษตรกรตัดปาล์มส่งจำนวนมาก เพราะมีข่าวทิศทางราคาปาล์มจะตกลงทำให้คนเร่งตัดจนผลผลิตทะลัก

ขณะนี้โรงงานล่ำสูง จำกัด  มีกำลังการผลิตเต็มที่ประมาณ 800 ตันต่อวัน  เดินเครื่องจักรเต็มกำลัง 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม แต่ก็ต้องหยุดพักเครื่องบ้างและซ่อมแซมกันไปด้วย แต่ปริมาณปาล์มมากจริง ๆ จนไม่สามารถที่จะผลิตหมดได้ในแต่ละวัน  ส่งผลเป็นทอด ๆ ตั้งแต่โรงงานมีปัญหาสกัดไม่ทันปาล์มล้นโรงงาน ไปถึงจุดรับซื้อที่เป็นลานเอกชนหลายแห่งหยุดรับซื้อ ส่งผลต่อเกษตรกรรายย่อย   

 

ดังนั้น ในช่วงนี้หลายฝ่ายแนะนำให้เกษตรกรยึดเวลาการตัดออกไปก่อน  เพื่อจะได้ช่วยกันประคองราคา เพราะเกษตรกรทุกคนไม่สามารถนำมาขายตรงให้แก่โรงงานได้ จะต้องผ่านจุดรับซื้อ ซึ่งจุดรับซื้อต่าง ๆ นั้น จะต้องซื้อในราคาที่ต่ำลง เพราะมีต้นทุนในการเก็บรวบรวมและขนส่งเข้าโรงงาน น้ำหนักปาล์ม ยิ่งต้องรอคิวเข้าโรงงานนาน ต้นทุนก็เพิ่มทั้งค่าจ้างรถ จ้างคนขับ รวมถึงคุณภาพปาล์มที่ลดลง

ส่วนของโรงงานขณะนี้พยายามเดินเครื่องเต็มที่  เพื่อจะเร่งระบายสินค้าที่ค้างอยู่ในสต๊อก และพยายามจะเร่งระบายปริมาณรถขนส่งปาล์มที่มาจอดรอหน้าโรงงาน ซึ่งขณะนี้มากกว่า 40 พ่วง หรือประมาณ 1,000 ตัน และวันต่อไปก็จะมาเพิ่มอีก  ตอนนี้ไม่สามารถที่จะประเมินสถานการณ์ได้ต้องดูใน 1-2 สัปดาห์นี้ จากปกติที่อาจมีรถรอคิวเข้าโรงงานบ้าง แต่จะเป็นช่วงเม.ย.-พ.ค. แต่ปีนี้ผลผลิตปาล์มดีมากและมาเร็วกว่ากำหนด 

 

ด้านคนขับรถบรรทุก ทั้งขนาด 10 ล้อ 18 ล้อ และ 22 ล้อ ที่มาจอดรอขายปาล์มเข้าโรงงาน บางคนมาจาก จ.กระบี่ บางคนมาจากในพื้นที่ จ.ตรัง บอกว่า มารอ 2 วัน 2 คืนบ้าง มารอแล้ว 3 วัน 3 คืนบ้าง แต่ยังต้องรอคิวขายและเทปาล์มต่อไป ซึ่งยอมรับว่าน้ำหนักปาล์มก็จะหายไปด้วย และเสี่ยงผลผลิตเสียหาย

ส่วนที่ทำการสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง ถนนวิเศษกุล ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง ได้เรียกประชุมด่วนสมาชิกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งผู้ประกอบการลานเทรับซื้อปาล์ม  ตัวแทนปาล์มแปลงใหญ่จังหวัดตรัง ตัวแทนเกษตรกร  ตัวแทนสภาเกษตรกรจังหวัดตรัง

 

นำโดยนายชัยวัฒน์  โภคาวัฒนา นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง เพื่อหารือปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์ปาล์มน้ำมันที่เป็นอยู่ขณะนี้คือ  ราคาตกต่ำ  ผลผลิตปาล์มไม่มีที่ขาย เนื่องจากโรงงานสกัดน้ำมันไม่ทัน ทำให้ไม่มีพื้นที่จัดเก็บจนล้นโรงงาน โดยมีรถจอดรถขายปาล์มน้ำมันอยู่บริเวณด้านหน้าโรงงานอีกจำนวนมาก  ส่งผลต่อลานเทเกือบทั้งหมดหยุดรับซื้อชั่วคราวไม่มีกำหนด  ทำเกษตรกรเดือดร้อน ขณะที่ปัญหาน้ำมันปาล์มขวดมีราคาแพง ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปาล์มล้นตลาด 

ทั้งนี้  ทางสมาคมเรียกร้องให้รัฐ ทั้งพล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลราคาและบริการส่วนกลาง และผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะกำกับดูแลราคาและบริการภายในจังหวัด ให้เร่งทำหน้าที่ตรวจสอบให้ราคาปาล์มน้ำมันเป็นไปตามกลไกของตลาดที่แท้จริง  หาวิธีการรับมือกับผลผลิตปาล์ม ในฐานะที่รัฐส่งเสริมให้มีการปลูก ที่จะออกผลผลิตมามากในเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ   ทั้งนี้ เตรียมจะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด และอาจจะมีการยื่นหนังสือถึงรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหา ให้ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

 

ด้านนายวิชชากร  แสงวรรณลอย กรรมการของหจก.วิสาหกิจชุมชนปาล์มแปลงใหญ่นาโต๊ะหมิง  เปิดเผยว่า สาเหตุที่หยุดซื้อ เพราะผลผลิตปาล์มออกมามากจนล้นตลาด ทำให้โรงงานงดรับซื้อ ดังนั้น ลานซื้อปาล์มก็หยุดรับซื้อด้วย เพราะเมื่อซื้อแล้วไม่สามารถนำไปขายให้โรงงานได้ ราคาก็ตกต่ำ รับซื้อกิโลกรัมละ 4.10บาท ชาวบ้านบริเวณนี้จะตัดปาล์มไปส่งที่ลานรับซื้อใหญ่อีกที แต่ไม่ได้ขายกับโรงงานโดยตรง เพราะบางครั้งโรงงานจะกดราคา 

ดังนั้น ชาวสวนปาล์มรายย่อย จึงนิยมขายให้กับลานรับซื้อ  เนื่องมาจากชาวสวนปาล์มเองตัดปาล์มไม่ได้คุณภาพ คือสุกไม่ถึงเกณฑ์ทำให้โรงงานคัดปาล์มออกและถูกกดราคาอีกด้วย  วิสาหกิจชุมชนปาล์มแปลงใหญ่นาโต๊ะหมิง  ก็อยากรับซื้อปาล์มที่สุก 100 % แต่เกษตรกรตัดปาล์มมาขายความสุกแค่ 70 % เท่านั้น ทำให้โรงงานปฏิเสธที่จะรับซื้อ   เกษตรจังหวัดแจ้งมาว่าจะเปิดรับซื้อได้อีกประมาณครึ่งเดือน หรือ 1 เดือน ในส่วนของโรงงานเองก็งดรับซื้อไม่มีกำหนด ดังนั้น เกษตรกรจึงได้รับความเดือดร้อนที่ขายผลผลิตไม่ได้

 

ธีมดี ภาคย์ธนชิต/รายงาน