นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังจากลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ราคาและปริมาณปุ๋ยเคมี ณ สหกรณ์การเกษตรคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ร่วมกับนายนิมิต ฆังคะจิตร พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี พบราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ซึ่งเป็นแม่ปุ๋ยที่เกษตรกรใช้ผสมปุ๋ยหรือใช้เพาะปลูกพืชแทบทุกชนิด ราคาเฉลี่ยภาคกลาง ลดลง 22% และปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ซึ่งใช้มากในการเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ราคาเฉลี่ยภาคกลาง ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 2565
สำหรับราคาที่ปรับลดลงส่วนหนึ่งมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้านำเข้าปุ๋ยมาจำหน่ายให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 เป็นต้นมา รวมทั้งการเชื่อมโยงการนำเข้าปุ๋ยจากประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกอย่างซาอุดิอาระเบีย ที่จะจัดสรรปุ๋ยให้แก่ไทยตามปริมาณที่ต้องการ
ทั้งนี้ เมื่อปริมาณปุ๋ยมีมาก ตลาดมีการแข่งขันกันสูง ผู้ผลิต/ผู้นำเข้าต่างก็ปรับลดราคาปุ๋ยลงเพื่อระบายสต็อกที่มีอยู่ออกไป ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร นอกจากนี้คาดว่าแนวโน้มราคาปุ๋ยจะปรับลดลงอีกตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลกที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านปริมาณก็ไม่มีปัญหา แม้ว่าขณะนี้สหกรณ์หรือร้านค้าปุ๋ยทั่วไปมักจะไม่เก็บปุ๋ยไว้ในสต็อกมากนักเนื่องจากราคามีแนวโน้มที่จะปรับลดลงไปอีก แต่เมื่อเกษตรกรมาสั่งซื้อปุ๋ยที่สหกรณ์หรือร้านค้าทั่วไปก็สามารถสั่งปุ๋ยมาจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ ซึ่งผู้ผลิต/ผู้นำเข้าก็พร้อมที่จะส่งมอบปุ๋ยให้โดยเร็ว ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องของปัญหาการขาดแคลนปุ๋ย
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจะติดตามสถานการณ์ราคาและปริมาณปุ๋ยเคมีอย่างใกล้ชิดต่อไป หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ