นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตในปีนี้โดยรวมเพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยเฉพาะราคาข้าวโพด ที่ควรลงมาอยู่ที่ 12 บาทแล้ว แต่ยังสูงถึง 13.40 บาท บริษัทฯ จึงต้องปรับสูตรเพิ่มข้าวเข้ามาทดแทนข้าวโพด
ส่วนค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ถือว่าไม่กระทบมาก เนื่องจากพลังงานถือเป็นสัดส่วนน้อยในราคาต้นทุนทั้งหมด โดยต้นทึนวัตถุดิบออยู่ที่ 60% ขณะที่พลังงานคิดเป็นต้นทุนไม่ถึง 5%
สำหรับผลประกอบการซีพีเอฟ ปี 2565 เติบโตสูงกว่า 20% รายได้รวมราว 5 แสนล้านบาทเศษ ถือเป็นนิวไฮท์ตั้งแต่ก่อตั้งซีพีเอฟ เนื่องจากช่วงโควิดที่ผ่านมา เกิดปัญหาส่งอาหารไม่ได้ อังกฤษก็ผลิตอาหารไม่ได้ ขณะที่ระดับราคาสุกรในประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตในปีนี้ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ คือราว 8-10% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตปกติของซีพีเอฟ
ส่วนเรื่องของภาษีคาร์บอนที่ยุโรปเริ่มนำมาใช้ในปีนี้ คาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบกับซีพีเอฟเนื่องจากสินค้าที่จัดเก็บภาษีคาร์บอนยังไม่เกี่ยวกับอาหาร และยุโรปยังมีความต้องการอาหารมาก
อย่างไรก็ตาม ซีพีเอฟยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ด้วยงบการลงทุนราว 2.5 หมื่นล้านบาทส่วนการลงทุนในต่างประเทศ เช่นที่ฟิลิปปินส์ ขณะนี้เริ่มขยายสู่อาหารแปรรูป หลังจากที่เข้าไปลงทุนทางด้านเนื้อสัตว์ทั้งหมูและไก่ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีโอกาสสูง มีประชากรในประเทศกว่า 110 ล้านคน
เช่นเดียวกับตลาดใน 17 ประเทศที่ซีพีเอฟเข้าไปลงทุน มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการขายด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสังคมรูปแบบใหม่ (New Normal)