รายงานข่าวจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เผยว่า บริษัทได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำโดยเวลานี้ผลิตภัณฑ์กว่า 700 รายการ ได้รับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) หรือ อบก.แล้ว ทั้งหมู ไก่ กุ้ง อาหารสัตว์ และ 30 รายการ ได้รับรองฉลากลดโลกร้อน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดโลกร้อนโดยล่าสุด อบก.ได้รับรองฉลากลดโลกร้อน “ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่สด”ของซีพีเอฟ
นางสาวกุหลาบ กิมศรี รองกรรมการผู้จัดการ สำนักระบบมาตรฐานสากล ซีพีเอฟ เผยว่า ซีพีเอฟ ได้มุ่งมั่นพัฒนาการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น หมู ไก่ กุ้ง และอาหารสัตว์ และล่าสุดได้รับรองฉลากลดโลกร้อนในผลิตภัณฑ์ไข่ไก่สด 25 รายการ จาก อบก. ได้แก่ ไข่ไก่เคจฟรี และไข่ไก่สดปลอดสารขนาดบรรจุต่าง ๆ ซึ่งประมาณการผลิตภัณฑ์ไข่ไก่สดสามารถช่วยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มขึ้นกว่า 532,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ทั้งนี้ซีพีเอฟ ได้มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือตามมาตรฐานสากล (ISO 14067, ISO14040) ในการวิเคราะห์หาจุดสำคัญ เพื่อร่วมรณรงค์ให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น การออกแบบสูตรการผลิต และควบคุมกระบวนการที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฯ การลดการสูญเสียอาหาร การใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การนำของเสียกลับมาเป็นพลังงาน และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ไข่ไก่สด ด้วยการใช้การใช้วัสดุรีไซเคิลทดแทนการใช้พลาสติกใหม่บางส่วนที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ และมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการรีไซเคิล และสามารถใช้ซ้ำได้ โดยยังคงคุณสมบัติในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งมอบไข่ไก่สดที่มีคุณภาพดีสู่ผู้บริโภค
“ซีพีเอฟ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำกว่า 700 รายการ ได้รับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จาก อบก. ทั้งหมู ไก่ กุ้ง อาหารสัตว์ และ 30 รายการ ได้รับรองฉลากลดโลกร้อน เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดโลกร้อน ซึ่งในปี 2021 ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1.483 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า”
ทั้งนี้ การวัดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์และจัดทำฉลากลดโลกร้อนของผลิตภัณฑ์ ทำให้ในปี 2022 บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์สีเขียวที่ 33 % พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050