นายกรุณพล หรือ "เพชร" เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตนมีข้อสงสัยในเรื่องการจัดงาน "วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ" โดยกรมการการข้าว ซึ่งเดิมทุกปีใช้งบในการจัด 3 ล้านบาท โดยจัดงานในพื้นที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี แต่ปีนี้ย้ายมาจัดในพื้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน โดยจะขยายเวลาจัดงานเพิ่มอีก 1 วัน แต่ใช้เพิ่มงบเพิ่มขึ้นอีกถึง 2 ล้านบาท ตั้งข้อสงสัยว่าทำงบถึงใช้งบเพิ่มขึ้นมาก ทั้งที่นิทรรศการก็จัดในรูปแบบคล้าย ๆ เดิม และงานก็จัดต่อเนื่องทุกปี ทำไมกลายเป็น 5 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใด หรือบุคคลใดหรือไม่ เรื่องนี้ยังไม่สามารถตอบได้จนกว่าจะมีการตรวจสอบ อย่างไรก็ดีเรื่องนี้จะต้องมีคำตอบให้กับสังคมถึงการใช้งบประมาณของรัฐมาจัดงานว่าเกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทั่วไปมากน้อยเพียงใด
“การตรวจสอบทุจริต เป็นหนึ่งในวาระสำคัญในเอ็มโอยูที่ 8 พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำได้ลงนามกัน ดังนั้นจะต้องจัดการในเรื่องที่น่าสงสัยที่จะมีโอกาสก่อให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นของทั้งราชการและตัวนักการเมืองเอง ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัย เราเองคงบอกไม่ได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่ก็ได้เอกสารข้อมูลมาค่อนข้างเยอะที่ส่อไปในทางที่น่าสงสัย” นายกรุณพล กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกรมการข้าว ชี้แจงว่า การเพิ่มวันจัดงานฯในปีนี้ ทำให้มีค่าใช้เพิ่มในเรื่องเต้นท์ที่ต้องจ่ายค่าเช่าเป็นรายวัน อีกด้านหนึ่งเพื่อต้องการให้เกษตรกรมาร่วมงานกันมากขึ้น โดยในปีนี้ กรมการข้าวจะจัดงาน "วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ" ประจำปี 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยงานในส่วนกลางจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 มิถุนายน 2566 ณ กรมการข้าว ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ภายใต้ชื่องาน “91 พรรษา สายธารแห่งน้ำพระทัย สร้างชาวนาวิถีใหม่ สู่ข้าวไทยยั่งยืน”
ครั้งที่ 2 จะจัดงานวันข้าวและชาวนาที่จังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 16 – 17 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก และครั้งที่ 3 จะจัดที่ Korat Hall ชั้น 4 เซ็นทรัล นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2566 ซึ่งภายในงานจะมีการนำนิทรรศการด้านข้าวต่าง ๆ มากมาย มาจัดแสดง อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ 91 พรรษา นิทรรศการเชิดชูเกียรติชาวนา นิทรรศการด้านข้าวของกรมการข้าว แปลงสาธิตพันธุ์ข้าว เทคโนโลยีการผลิตข้าว และเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนผู้ร่วมงานสามารถ ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์จากข้าว และสินค้าเกษตรอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดโอกาสให้ชาวนา และผู้ที่สนใจได้รับความรู้ในเรื่องคาร์บอนเครดิต ซึ่งสามารถขายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง โดยกรมการข้าวจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขายคาร์บอนเครดิต ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ในบริเวณการจัดงานทั้ง 3 แห่ง โดยคาร์บอนเครดิต เป็นสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถวัดปริมาณและสามารถนำไปซื้อขายในตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้
โดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Trading Platform) หรือ ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดย เปิดบัญชี T-VER credit กับ อบก. และซื้อขายในระบบทวิภาค (Over-the-counter: OTC) ซึ่งเป็นการตกลงกันระหว่างผู้ต้องการซื้อและผู้ขายโดยตรงซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการที่ต้องการขายคาร์บอนเครดิตของตนโดยไม่ผ่านตลาด”
ที่ผ่านมา กรมการข้าวได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันมาโดยตลอด จึงมอบหมายให้สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติเข้ามาส่งเสริม ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชาวนาในเรื่องของคาร์บอนเครดิต เพื่อทำความเข้าใจถึงคำว่าคาร์บอนเครดิต สร้างความตระหนักรู้ถึงประโยชน์ที่พี่น้องชาวนาจะได้รับหากมีการทำคาร์บอนเครดิตขึ้น
ตลอดจนประโยชน์ของตลาดคาร์บอนเครดิตที่พี่น้องชาวนาจะได้รับ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกชิงรางวัล อาทิ กิจกรรมการประกวดธิดาชาวนา กิจกรรมแข่งขันฝัดข้าวสาลีและหุงข้าวหม้อดิน กิจกรรมแข่งขันตอบคำถามองค์ความรู้ด้านข้าว จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวนาและพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย