นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ไก่ไข่ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31พ.ค. 66)โดยการเลี้ยงปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP)ปี 2566มีแผนการเลี้ยง จำนวน 3,800 ตัว นำเข้าเลี้ยงแล้ว 1,970ตัว (50.90 %)การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS)ปี 2566มีแผนการเลี้ยง จำนวน 440,000 ตัว นำเข้าเลี้ยงแล้ว 147,746 ตัว (33.58 %) จำนวนไก่ไข่ยืนกรงปัจจุบัน 52.08 ล้านตัว ประมาณการผลผลิต 43.21ล้านฟองต่อวัน (ความต้องการบริโภคในประเทศ 42.64 ล้านฟองต่อวัน)
สำหรับการส่งออกไข่ไก่สด ปี 2566 (ม.ค.- เม.ย.) จำนวน 163.53ล้านฟอง มูลค่า 718.96ล้านบาทปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 179.97 และ 229.98 ตามลำดับโดยส่งออกไปสิงคโปร์ คิดเป็นร้อยละ 66รองลงมา คือ ฮ่องกง ร้อยละ 19 (ข้อมูลกรมศุลกากร) ในส่วนราคาปี 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิ.ย. 66) ไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ฟองละ 3.80 บาท (ข้อมูลโดยกรมการค้าภายใน) ลูกไก่ไข่ตัวละ 28บาท
ไก่ไข่รุ่นตัวละ 175บาท (ข้อมูลโดยบมจ.ซีพีเอฟ)
ทั้งนี้ ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ในไตรมาส 1/2566 เฉลี่ยฟองละ 3.67 บาท โดยคาดการณ์ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ในไตรมาส 2/2566 เฉลี่ยฟองละ 3.70 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนไตรมาส 2/2565 พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.46 เนื่องจากค่าพันธุ์สัตว์ ราคาอาหารสัตว์ วัคซีน ยาป้องกันโรค ค่าน้ำ และค่าไฟปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับในปี 2566 มีการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ของกรมปศุสัตว์โดยได้มีการจัดประชุมหารือเพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตไข่ไก่ภายในประเทศ โดยเชิญผู้แทนจาก 4 สมาคมไก่ไข่ 4 สหกรณ์ไก่ไข่ ผู้ประกอบการไก่ไข่พันธุ์ 16 บริษัท และผู้แทนจากสำนักงานปศุสัตว์เขต 1 - 9 พิจารณากำหนดมาตรการร่วมกัน และกำหนดมาตรการในปัจจุบัน ได้แก่
1. มาตรการขอความร่วมมือผู้เลี้ยงไก่ไข่ปลดไก่ไข่ตามอายุที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยผู้เลี้ยงไก่ไข่ทุกราย ปลดไก่ไข่ยืนกรงที่อายุไม่เกิน 80 สัปดาห์ ยกเว้นรายย่อยที่เลี้ยงต่ำกว่า 30,000 ตัวที่ไม่ใช่ฟาร์มในระบบเกษตรพันธสัญญาของผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่ขนาดการเลี้ยงตั้งแต่ 100,000 ตัว ขึ้นไป ปลดไก่ไข่ยืนกรงไม่ให้อายุเกิน 78 สัปดาห์ จนถึงสิ้นเดือนเมษายน2566
2. มาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายใหญ่ ผลักดันการส่งออกหรือปลดไก่ไข่ยืนกรงก่อนกำหนด ระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน 2566 จำนวน 65 ล้านฟอง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการรับทราบผลการส่งออกตลาดไข่ไก่สดไปไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออกไข่ไก่สดไปไต้หวันแล้วจำนวน 20,828,229 ฟอง (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มิ.ย. 66) และคาดการณ์ปี 2566 จะมีปริมาณการส่งออกไข่ไก่สดจากประเทศไทย ไปไต้หวันได้มากกว่า 50 ล้านฟอง มูลค่ากว่า 230 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการสร้างตลาดใหม่ และสร้างเสถียรภาพด้านราคาที่เกษตรกรจำหน่ายในประเทศได้
โดยผลสำเร็จจาการเปิดตลาดและส่งออกไข่ไก่สดครั้งนี้ มาจากความเชื่อมั่นสินค้าเกษตร และอาหารไทยที่กรมปศุสัตว์กำกับดูแลการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่การผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐาน GAP จนถึงศูนย์รวบรวมและแปรรูปสินค้าปศุสัตว์ ที่ได้มาตรฐาน GMP และ HACCP สอดคล้องตามข้อกำหนดกฎหมายไทย ระเบียบของคู่ค้า และหลักสากล
รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชุมยังได้ติดตามสถานการณ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี กากถั่วเหลืองนำเข้า ราคาวัตถุดิบทดแทน (ปลายข้าว และมันเส้น) และปลาป่น ผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมไก่ไข่ การกำหนดมาตรการสำหรับฟาร์มไก่ไข่ที่ปลดไก่ไข่ยืนกรงเกินอายุที่เหมาะสม รวมถึงได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) เป็นต้น