ย้อนไปวันที่ 7 มิถุนายน 2566 หลังการประชุมคณะกรรมการช่วงเปลี่ยนผ่านของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้มีมติตั้งคณะทำงานเรื่องการดูแลการเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว มีทั้งหมด 14 คณะ ได้แก่ คณะทำงานที่ 1 ด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ, คณะทำงานที่ 2 ด้านค่าไฟฟ้า ค่านํ้ามัน และราคาพลังงาน, คณะทำงานที่ 3 ด้านภัยแล้ง เอลนีโญ, คณะทำงานที่ 4 ด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้, คณะทำงานที่ 5 ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม และ PM2.5
คณะทำงานที่ 6 ด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และ SME, คณะทำงานที่ 7 ด้านการแก้ปัญหายาเสพติด, คณะทำงานที่ 8 ด้านรัฐบาลและเศรษฐกิจดิจิทัล, คณะทำงานที่ 9 ด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน,คณะทำงานที่ 10 ด้านสาธารณสุข, คณะทำงานที่ 11 ด้านความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม, คณะทำงานที่ 12 ด้านการปฏิรูปที่ดิน, คณะทำงานที่ 13 ด้านการประมง และคณะทำงานที่ 14 ด้านการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” ได้ติดตามภารกิจของ 2 คณะ คือคณะทำงานที่ 3 ด้านภัยแล้ง เอลนีโญ และคณะทำงานที่ 13 ด้านการประมง โดย 2 คณะทำงานนี้มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง มีความคืบหน้าอย่างน่าสนใจ
นายเดชรัต สุขกำเนิด ประธานคณะทำงานด้านภัยแล้ง เอลนีโญ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรอบการทำงานของคณะทำงานทั้ง 14 ชุด คือการเตรียมแนวทางเพื่อเสนอต่อคณะทำงานประสานงานที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ในส่วนของคณะทำงานด้านภัยแล้งฯ จะมีการประชุมครั้งสุดท้าย รวมทั้งการลงพื้นเพื่อดูการบริหารจัดการนํ้าที่จังหวัดชัยนาท ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้
เหตุที่เลือกลงไปดูการบริหารจัดการนํ้าที่ชัยนาท มี 2 ประการ เหตุผลแรก เพื่อดูการบริหารจัดการ นํ้าในพื้นที่ภาคกลางว่าแผนที่ชลประทานวางไว้มีการบริหารจัดการอย่างไร และเหตุผลที่ 2 มีชาวบ้านได้ร่วมกับกรมชลประทานวางแผนระบบการจัดสรรนํ้าแบบใหม่ ทำให้ระยะเวลาการจัดสรรนํ้าภายในคลองส่งนํ้าสายเดียวกันสั้นลง ได้นํ้าพร้อมกัน และสามารถส่งนํ้าไปที่คลองอื่นได้ด้วย อยากจะไปดูแนวทางว่าจะขยายผลไปพื้นที่อื่นได้ด้วยหรือไม่
“ภัยแล้งจากเอลนีโญ จากการประเมินไทยค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ฝนในทุก ๆ เดือน จะเห็นว่าในรอบเดือนมิถุนายนนี้ปริมาณฝนจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่อาจลากยาวไปจนถึงฤดูแล้ง หรือฤดูฝนปีหน้าสิ่งที่จะต้องดำเนินการคือการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการบริหารนํ้า”
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปสั่งการหรือไปบอกกับหน่วยราชการได้เพราะยังไม่ได้เป็นรัฐบาล แค่เตรียมการไว้ก่อน แต่ด้วยประสบการณ์ของทีมงานหลายพรรคร่วมกัน เห็นควรที่จะเตรียมการในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชที่ใช้นํ้าน้อยเพื่อรับมือกับเอลนีโญ (กราฟิกประกอบ) สำหรับต้นปี 2567 คาดจะมีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ในเขตพื้นที่ชลประทานภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ส่วนภาค อื่นๆ คงต้องประเมินตามสถานการณ์ นํ้าอีกครั้ง ส่วนนอกพื้นที่ชลประทานต้องเร่งเพิ่มแหล่งนํ้า ทั้งระบบนํ้าบาดาล และระบบสระนํ้าในไร่นา
ด้านนายไตรฤกษ์ มือสันทัดประธานคณะทำงานด้านการประมง กล่าวว่า การแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ที่ผิดพลาดตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคประมงและธุรกิจต่อเนื่องได้รับความเสียหายไม่ตํ่ากว่า 2 แสนล้านบาท เรือประมงพาณิชย์ในน่านนํ้าไทยจากจำนวน 42,512 ลำคงเหลือที่สามารถออกใบอนุญาตทำการประมงในปัจจุบันเพียง 9,000 ลำเท่านั้น ส่วนเรือประมงนอกน่านนํ้าไทยสามารถออกเรือไปทำประมงได้เพียง 3 ลำ จากเคยมีมากกว่า 1,000 ลำ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติชุดใหม่มากำกับดูแลให้สอดคล้องกับวิถีการทำประมงของไทย
“นอกจากนี้จะให้ยกเลิกคณะกรรมการเฉพาะกิจ หรือไอยูยูฮันเตอร์(IUU Hunter) ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการประมงทะเลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561จนถึงปัจจุบัน เมื่อยุบแล้วจะคืนอำนาจให้แต่ละกระทรวงที่มีภารกิจโดยตรงและมีอำนาจอยู่แล้ว การชดเชยเยียวยา และการนิรโทษกรรมเรือประมงที่ผ่านกระบวนการศาลมาแล้ว จะทำให้เรือต่าง ๆไม่ต้องติดแบล็กลิสต์ รวมถึงการทบทวนแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และแก้ไขเพิ่มเติมปี 2560 ที่มีผลบังคับใช้ และจะนำร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ...ฉบับใหม่ที่ผ่านวาระแรก (รัฐบาลชุดที่แล้ว) บรรจุวาระ เข้าสู่การพิจารณาของสภาภายใน 60 วัน พร้อมเสนอแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องประมง และการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูการประมงไทยซึ่งจะแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วน 100 วัน”
อนึ่ง เก็บควันหลงประชุมคณะทำงานด้านประมง ( 3 กค.66) เวลา 9.00 น. ณ.ห้องประชุมพรรคเพื่อไทยชั้น 6
1.นายวรภพ วิริยะโรจน์ พรรคก้าวไกล
2.นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม พรรคก้าวไกล
3.นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร พรรคก้าวไกล
4.นายคเชนทร์ สุขเกษม พรรคก้าวไกล
5.นายนิธิวัตน์ ธีระนันทกุลพรรคก้าวไกล
6.นางสาวกนกวรรณ มณีโรจน์ เลขาฯที่ประชุม
7.นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ พรรคประชาชาติ
8.นายสฤษฏ์พัฒน์ ภมรวิสิฐ พรรคประชาชาติ
9.นายพิชัย แซ่ซิ้ม พรรคเป็นธรรม
10.นายปณิธาน ประจวบเหมาะ พรรคไทยสร้างไทย
11.นายนันทชัย สุขเกื้อ พรรคไทยสร้างไทย
12.นายไตรฤกษ์ มือสันทัด พรรคเพื่อไทย
13.นายมงคล สุขเจริญคณา พรรคเพื่อไทย
14.นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ พรรคเพื่อไทย
15.นายศุภชัย นาคสุวรรณ์ พรรคเสรีรวมไทย
16.นายธนวร นาคสุวรรณ์ พรรคเสรีรวมไทย
17.นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงสมุทรสาคร
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,903 วันที่ 9-12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566