ไอ-เทลฯ โชว์ยอดขาย Q2 กว่า 3.2 พันล้าน กำไรสุทธิ 445 ล้าน

27 ก.ค. 2566 | 07:04 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ค. 2566 | 07:15 น.

ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) เผยยอดขายไตรมาส 2 กว่า 3.2 พันล้าน กำไรกว่า 445 ล้าน ครึ่งปีแรกยอดขายรวม 6,830 ล้านบาท กำไรสุทธิ 870 ล้าน ผลพวงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม ระบุอาหารแมวยังมีสัดส่วนยอดขายสูงสุด

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2  ปี 2566 มียอดขายรวม 3,243 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 10% และมีกำไรสุทธิ 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า  4%  ขณะที่มียอดขายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 6,830 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 870 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก ITC ได้ออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพ 591 รายการ และมีลูกค้ารายใหม่ 16 ราย

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  บริษัทฯยังคงเดินหน้าธุรกิจท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ โดยผลงานในไตรมาส 2 ของปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า  โดยเฉพาะผลกำไร บริษัทฯได้ประกาศปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.25 บาทต่อหุ้นรวม 750 ล้านบาท คิดเป็น 86% ของกำไรสุทธิของครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก ยอดขายของไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ 51% ของรายได้ทั้งหมด เอเชียและโอเชียเนีย 38% และยุโรป 11% ในส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 68% อาหารสุนัข 17% ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 12% และธุรกิจอื่น ๆ อีก 3%

“บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกเรามีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้ามากถึง 3,740 รายการ ในครึ่งปีหลังเราจะเดินหน้าต่อเนื่องในการนำเสนอสินค้านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียมทั้งในรูปแบบของมูส ปาเต  และเครื่องดื่ม ส่งไปยังลูกค้ากลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ตและแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน” นายพิชิตชัย กล่าว

ไอ-เทลฯ โชว์ยอดขาย Q2 กว่า 3.2 พันล้าน กำไรสุทธิ 445 ล้าน

นอกจากนวัตกรรมแล้ว ITC ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่ได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®  ตั้งเป้าหมายถึงปี 2573  ครอบคลุมการดูแลทั้งมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไอ-เทลในฐานะบริษัทในเครือ จึงมีการสรรหาแรงงานอย่างมีความรับผิดชอบ และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้เริ่มใช้หลักการ Employer Pays Principles หรือนายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรับสมัครแรงงานซึ่งรวมถึงแรงงานต่างชาติ สำหรับในมิติของการดูแลสิ่งแวดล้อมนั้น โรงงานของไอ-เทลถึง 2 โรงในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสงขลา เป็นโรงงานต้นแบบในจำนวน 5 โรงของกลุ่มไทยยูเนี่ยน นำร่องในด้านกระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ และใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง

ปัจจุบันโรงงานของไอ-เทลเดินหน้าพัฒนาระบบภายในโรงงานเพื่อลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์  และมีการดูแลในเรื่องของการลดก๊าซเรือนกระจก อาทิ การติดตั้งหลังคาโซลาเซลล์ และการใช้ระบบออโตเมชั่น นอกจากความยั่งยืนแล้วยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอีกด้วย

สำหรับในครึ่งปีหลัง ITC มีแผนที่จะเดินสายพบนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยอย่างต่อเนื่อง และร่วมในงานจัดแสดงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป รวมถึงงาน SuperZoo ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อพบปะลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายภายในงาน  นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบลูกค้าและนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่นและยุโรปในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจและฐานลูกค้ารวมถึงนักลงทุนสู่กลุ่มใหม่ ๆ

“มั่นใจว่าการก้าวสู่กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ในครั้งนี้ของไทยยูเนี่ยนและไอ-เทล จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลและอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืน  แข็งแกร่งและโดดเด่นในเวทีโลก”

อนึ่ง ปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรของ ITC ครึ่งปีแรกจะมีกำหนดจ่ายในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566