ซีพีเอฟ Q2 ชะลอตัว ลุ้นครึ่งหลังปรับตัวดีขึ้น

11 ส.ค. 2566 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2566 | 14:29 น.

CPF เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ยอดขาย 1.5 แสนล้าน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ผลพวงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่ง แบกค่าใช้จ่ายพลังงานเพิ่ม สวนทางราคาหมูในภูมิภาคลดลง กระทบผลประกอบการครึ่งปีแรก มั่นใจครึ่งหลังผลดำเนินงานดีขึ้น

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 150,246 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการต่างประเทศร้อยละ 62 และกิจการประเทศไทยร้อยละ 38  โดยต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาสุกรในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในส่วนของบริษัทจำนวน 793 ล้านบาท

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของซีพีเอฟในไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายจากการที่ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในหลายประเทศ เช่น ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้น จากปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายพลังงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ในหลายประเทศลดลงจากสภาวะอุปทานอุปสงค์ที่ไม่สมดุล

เฉพาะอย่างยิ่งราคาเนื้อสุกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสินค้าล้นตลาดจากการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรผิดกฏหมาย และความต้องการบริโภคที่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย   ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าของบริษัทที่ยังมีผลขาดทุน ซึ่งโดยหลักมาจากบริษัทร่วมในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกร รวมถึงการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ภายใต้ภาวะตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอนและสภาวะเศรฐกิจโลกในภาพรวมที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอย่างต่อเนื่อง  และด้วยแนวโน้มสภาวะตลาดในหลาย ๆ ประเทศเริ่มปรับดีขึ้นเป็นลำดับ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้