บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 150,246 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการต่างประเทศร้อยละ 62 และกิจการประเทศไทยร้อยละ 38 โดยต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาสุกรในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในส่วนของบริษัทจำนวน 793 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของซีพีเอฟในไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายจากการที่ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในหลายประเทศ เช่น ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้น จากปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายพลังงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ในหลายประเทศลดลงจากสภาวะอุปทานอุปสงค์ที่ไม่สมดุล
เฉพาะอย่างยิ่งราคาเนื้อสุกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสินค้าล้นตลาดจากการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรผิดกฏหมาย และความต้องการบริโภคที่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าของบริษัทที่ยังมีผลขาดทุน ซึ่งโดยหลักมาจากบริษัทร่วมในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกร รวมถึงการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ภายใต้ภาวะตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอนและสภาวะเศรฐกิจโลกในภาพรวมที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และด้วยแนวโน้มสภาวะตลาดในหลาย ๆ ประเทศเริ่มปรับดีขึ้นเป็นลำดับ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้