ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันนี้ (6 ก.ย.66) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ นายไชยา พรหมา และนายอนุชา นาคาศัย ถือฤกษ์เวลา 8.19 นาฬิกา เข้าปฏิบัติหน้าที่และเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พระภูมิชัยมงคล ท้าวเวสสุวรรณ ศาลตายาย พระพิรุณทรงนาค เพื่อความสิริมงคล ก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงกระทรวงเกษตรฯ พร้อมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมร่วมถ่ายภาพหมู่กับอธิบดีและผู้บริหารระดับสูงประจำกระทรวง บริเวณหน้ากระทรวง
ร้อยเอกธรรมนัส ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงว่า พร้อมแถลงนโยบายเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขให้กับเกษตรกร ทั้งเรื่องปัญหาภัยแล้ง การเปลี่ยนแปลงจากสภาพอากาศเอลนีโญ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ฝนตกลงมา แต่ไม่สามารถที่จะกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรได้ เช่นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และในวันศุกร์และวันเสาร์นี้ ตนจะลงพื้นที่ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย
ทั้งนี้ได้ประเมินสถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือว่าสาหัสมาก ต้องวางแผนการทำงานให้ครอบคลุมตั้งแต่ปีนี้และปีถัดไป และมองว่าตอนนี้เกษตรกรขาดน้ำในการทำนาและการทำการเกษตรในหลายพื้นที่ และยังมีมาตรการเร่งด่วนในส่วนของการทำประมง รวมไปถึงการปราบปราม ด้านปศุสัตว์ เช่น การนำเข้าหมูเถื่อนและเนื้อวัวผิดกฎหมาย พร้อมย้ำว่า ถ้าตนเองได้ปราบปรามภายใน 1-2 เดือนต้องเห็นผล
ส่วนสถานการณ์น้ำที่ใช้ในการทำเกษตรกรรม ขณะนี้ได้รับรายงานว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับปัญหาราคามังคุดใต้ หลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช ยอมรับว่าเป็นช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งได้วางนโยบายเร่งระบายออก โดยล่าสุดพบว่า สถานการณ์ราคาพืชผลเริ่มคลี่คลาย แต่ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ วางแนวทางระยะยาว โดยเฉพาะต้องนำเกษตรรายย่อยมารวมกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับและจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยเฉพาะเรื่องของการพักหนี้เกษตร ที่เป็นหนึ่งในนโยบาย ส่วนจะช่วยให้การพักชำระหนี้แบบไหน ต้องรอนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าการพักหนี้ของเกษตรเป็นเรื่องละเอียดละอ่อนที่จะต้องไปศึกษาทำความเข้าใจและยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน และอยากฝากไปถึงเกษตรกรทั้งประเทศ ว่าตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ทั้งสองคน มาจากเด็กบ้านนอก ตั้งใจที่จะยกคุณภาพชีวิตช่วยเหลือเกษตรไทยให้มีความอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน