นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 2 ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปที่เป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในขณะนี้แล้ว โดยน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยเฉพาะชาวไร่อ้อยที่มีผลกระทบด้านต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนจะปรับขึ้นเท่าใดยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อตลาด โดยจะนำเสนอให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณา และหากให้ความเห็นชอบก็จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 14 พ.ย.2566 ต่อไป
ทั้งนี้ หาก ครม.อนุมัติ หน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลราคาน้ำตาลทราย ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม ก็จะต้องไปดำเนินการให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่ตัวเองดูแล เช่น กระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องไปพิจารณาปรับปรุงประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดราคาขายปลีกใหม่
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องไปประกาศราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่
อย่างไรก็ดี ในระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำตาลทรายขณะนี้ มาตรการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ประกาศ กกร.และประกาศ สอน.จะยังคงเดิม ทั้งราคาหน้าโรงงานที่กำหนดไว้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 19 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาว และ กก.ละ 20 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และราคาขายปลีก กก.ละ 24 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาว และ กก.ละ 25 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาใหม่
“มาตรการต่างๆ จะยังคงมีอยู่ ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีการกักตุน โดยเห็นว่าแนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพื่อหาส่วนต่างนั้นไม่ควรทำ เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน และภาครัฐจะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด โดยได้ฝากให้กรมการค้าภายในและ สอน.ไปกำกับดูแลไม่ให้มีการกักตุนน้ำตาลทราย และขายราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้ว”
นายยรรยง กล่าวอีกว่า คณะทำงานยังได้มีข้อเสนอถึงรัฐบาล หากในโอกาสต่อไปจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำตาลทราย ทั้งขึ้นหรือลง ขอให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบตามภารกิจที่แตกต่างกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยปัญหาการป้องกันฝุ่น PM2.5 จากการเผาไร่อ้อย มีข้อเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการเข้าไปดูแลให้กับชาวไร่อ้อย แทนที่จะผลักภาระไว้ในราคาน้ำตาลทราย
สำหรับผลกระทบต่อราคาสินค้าและเงินเฟ้อ หากจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย กระทรวงพาณิชย์ประเมินแล้ว หากเป็นไปตามราคาที่เสนอให้ปรับขึ้น ถือว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าไม่มาก แม้ว่าน้ำตาลทรายจะเป็นต้นทุนสำคัญในกรผลิตอาหาร ยา เครื่องดื่ม และขนม โดยจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุมหารือขยับขึ้นไม่เกิน 2 บาทต่อ กก. โดยยังให้เป็นสินค้าควบคุมเพื่อจะใช้มาตรการเช็กสต๊อกและอื่นๆ สกัดปัญหาโก่งราคา กักตุน และส่งค้าชายแดน
นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 กล่าวว่า ราคาที่ชาวไร่อ้อยพอใจคือกิโลกรัมละ 4-5 บาท แต่ถ้าได้ราคาขึ้นอีก 2 บาท ชาวไร่อ้อยยังไม่มีคำตอบเ
“อย่านำราคาน้ำตาลโลกมาเป็นตัวชี้วัดของชาวไร่อ้อยในการขอขึ้นราคาเพราะไม่ใช่ประเด็น แต่ที่ชาวไร่อ้อยอยู่ไม่ได้คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ต้องบอกว่าทุกวันนี้คนไทยบริโภคน้ำตาลถูกที่สุดในโลก หากชาวไร่อ้อยเลิกทำเชื่อว่าคนไทยจะกินน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 100 บาทแน่นอน โดยการประชุมวันนี้ยังไม่ได้คำตอบ 100% ว่าจะปรับราคาได้มากน้อยแค่ไหน”